ผ่ากลยุทธ์‘เอ็กซ์พีเดียกรุ๊ป’ บิ๊กท่องเที่ยวออนไลน์ใหญ่สุดในโลก

23 ก.ย. 2560 | 10:14 น.
เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป เป็นบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินธุรกิจมา 20 ปีแล้ว และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็หันมารุกในภูมิภาคนี้ ด้วยการเปิดสำนักงานใหญ่เอ็กซ์พีเดียประจำภูมิภาคเอเชีย ที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนสำนักงานในไทย เริ่มเปิดในปี 2554 หรือราว 6 ปีกลยุทธ์การขยายตัวของเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ในภูมิภาคนี้เป็นเช่นไร อ่านได้จากสัมภาษณ์นายซิมอน ฟิเก้ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอินเดียของเอ็กซ์พีเดีย

++ทุกการเดินทางในคลิกเดียว
นายฟิเก้ ฉายภาพการขยายตัวของเอ็กซ์พีเดีย ทั่วโลก รวมถึงในไทย ให้เราฟังว่า เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป เป็นบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีแบรนด์ชั้นนำภายใต้แบรนด์เอ็กซ์พีเดีย รวมถึงแบรนด์ชั้นนำด้านการท่องเที่ยวออนไลน์อีกมากมาย อาทิ Expedia.com, hotels.com. Trivago, HomeAway เป็นต้น ซึ่งเอ็กซ์พีเดีย มีบุคลากรที่มีความสามารถในหลากหลายสาขามากกว่า 2 หมื่นคน ส่วนใหญ่จะอยู่ในเอเชีย รวมถึงทีมวิศวกรผู้ชำนาญระดับมืออาชีพที่ดีที่สุดในโลกกว่า 5,500 คน ในกว่า 33 ประเทศ ที่ร่วมมือกันทำงานเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าการทำการจองบนเว็บไซต์เอ็กซ์พีเดีย เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ประหยัดและคุ้มค่าที่สุดด้วยทางเลือกหลากหลายในการเดินทาง

อีกทั้งแบรนด์เอ็กซ์พีเดีย ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการเดินทาง ซึ่งรวมถึงเที่ยวบินและแพ็กเกจท่องเที่ยว สิ่งนี้ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในรูปแบบที่แตกต่างกัน เรามีเว็บไซต์ให้เลือกจองออนไลน์มากกว่า 200 เว็บไซต์ในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก ทั้งการจองโรงแรมไปจนถึงการเช่าที่พักในระยะสั้น ไปจนถึงทางเลือกที่หลากหลายในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและภายในท้องถิ่น

ด้วยแบรนด์เอ็กซ์พีเดียที่เดียว คุณสามารถทำการจองที่พักได้ไม่ว่าจะเป็นบ้านเช่าหรือโรงแรมพร้อมเที่ยวบิน หรือแม้แต่จองรถยนต์ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งขันของเราอย่างสิ้นเชิงและทำให้เราเป็นเว็บไซต์ท่องเที่ยวครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นบริษัทท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย

[caption id="attachment_210209" align="aligncenter" width="336"] ซิมอน ฟิเก้ ซิมอน ฟิเก้[/caption]

++นวัตกรรมชิงตลาดเหนือคู่แข่ง
รวมถึงเราได้มุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ และเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับนักเดินทาง เรามองว่าธุรกิจดอตคอมยังคงเติบโตต่อเนื่องทั้งในระดับโลกและภูมิภาค โดยเฉพาะภาพรวมการแข่งขันที่ชัดเจนมากในภูมิภาคเอเชีย ด้วยเหตุนี้ เราจึงเน้นทำความเข้าใจกับนักเดินทางทั่วภูมิภาคเอเชียให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเราได้เปิดตัว Innovation Lab เป็นครั้งแรกในเอเชีย ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการเพื่อศึกษาพฤติกรรมการช็อปปิ้งทางออนไลน์ของนักเดินทาง เพื่อทำความเข้าใจกับความต้องการและความยุ่งยากในการช็อปปิ้งออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลที่ได้จะนำมาวิเคราะห์และคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวออนไลน์และเอ็กซ์พีเดียกำลังเติบโตขึ้น หากคุณคิดว่าคุณอยากให้มีบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณและสิ่งที่คุณต้องการโดยสามารถเข้าถึงทุกสิ่งบนโลก และสามารถให้คุณเข้าถึงได้ตลอดเวลานั้น นั่นคือสิ่งที่เอ็กซ์พีเดียกำลังทำอยู่และสามารถช่วยคุณได้ทุกอย่าง เมื่อการเดินทางมาถึงจุดที่มันควรจะเป็น เทคโนโลยีการเดินทางจะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้มากที่สุด ลองนึกภาพคุณสามารถรู้ข้อมูลทุกอย่างในโลกได้เพียงปลายนิ้วของคุณ การเดินทางส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้นพบความสุขและสิ่งใหม่ๆ สิ่งประดิษฐ์ที่สมจริงและโลกบนมือถือที่สมบูรณ์ก็ทำให้ความตื่นเต้นและการค้นพบสิ่งใหม่หายไปได้เช่นกัน

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา เอ็กซ์พีเดียประจำประเทศญี่ปุ่น มียอดการจองขั้นสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ มียอดการจองขึ้นตํ่ามูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเชื่อว่าแบรนด์จะเติบโตในธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องขึ้นไปอีก ใน Intra-Asia Travel ยังคงเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจ และเราจะมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและ เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย

++เน้นให้คุณค่าพันธมิตรรร.ไทย
ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในไทย เอ็กซ์พีเดีย จะเจาะด้านการตลาดด้วยทางเลือกที่หลากหลาย เรามีโรงแรมให้เลือกมากกว่า 4.35 แสนแห่ง สายการบินมากกว่า 500 บริษัท ด้วยหลากหลายทางเลือกในการเดินทางที่เหมาะกับความต้องการ ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางส่วนใหญ่ในเอเชีย เมื่อพิจารณาข้อมูลการจองห้องพักของเราในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ทำให้เราตระหนักว่ายังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมใน2 ประเทศใหญ่ อย่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา

รวมถึงนักท่องเที่ยวจากอินเดีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ยังเลือกเดินทางมาพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไทย ด้วยเพราะเดินทางไม่ไกลและสะดวกสบายและเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ข้อมูลการจองห้องพักตั้งแต่ ปี 2559-2560 พบว่า ในเดือนสิงหาคมชาวออสเตรเลียชอบที่จะเดินทางไปพักผ่อนช่วงฤดูร้อนที่กรุงเทพฯ และข้อมูลยังระบุว่าชาวออสเตรเลียสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจองแพ็กเกจห้องพักโรงแรมและเที่ยวบินได้ถึง 10% อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจากเบลเยียมที่มาเที่ยวกรุงเทพฯ มีเพิ่มขึ้น 90% และเกาะสมุยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ 2 ครั้ง

การเติบโตของเอ็กซ์พีเดีย ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมบางรายมองว่าทำให้ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าคอมมิชชันเพิ่มในการขายห้องพักผ่านระบบออนไลน์สูงขึ้นกว่าเดิม คุณฟิเก้มองในเรื่องนี้อย่างไร “เราเป็นพันธมิตรกับโรงแรมหลายหมื่นแห่งทั่วโลก และให้ความสำคัญกับคุณค่าที่เรามอบให้ เรานำพันธมิตรทางการท่องเที่ยวที่ไม่เชื่อถือในแบรนด์ของเรา ซึ่งกลายเป็นจำนวนผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น (มีจำนวนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มผู้บริโภคหลักที่ทำการจองกับเราเป็นประจำ เหมือนกับการจองโรงแรมแบรนด์ชั้นนำอย่างสมํ่าเสมอ) จากทั่วโลก และนั่นเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าเราให้คุณค่าแก่พันธมิตรทางธุรกิจ เรามุ่งเน้นและให้การสนับสนุนเจ้าของโรงแรมเหล่านี้โดยการให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นและสามารถเข้าถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีระดับโลกของเรา”

แล้วมองอย่างไรกรณีที่รัฐบาลไทย ต้องการผลักดันให้ธุรกิจดอตคอม เสียภาษีเมื่อมีธุรกรรมการจองเกิดขึ้น ทางคุณฟิเก้ กล่าวว่า “ผมว่าสิ่งนี้เป็นอะไรที่เราไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เราได้รับการสนับสนุนจากโครงการที่รัฐบาลคิดริเริ่มอยู่เสมอ บทบาทของเราคือการให้ทางเลือกที่หลากหลาย ประหยัดค่าใช้จ่าย และความเรียบง่ายแก่ผู้บริโภคของเราเพื่อให้การวางแผนการเดินทางเป็นเรื่องง่าย” นายฟิเก้ กล่าวปิดท้ายบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-1