‘แคริสม่า’ลั่น5ปีขึ้นผู้นำตลาด ปูพรมขยายช่องทาง-เพิ่มงบตลาด5เท่าดันยอดโต

23 ก.ย. 2560 | 10:02 น.
สินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง ถือเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หญิงยุคปัจจุบัน ส่งผลให้ตลาดเครื่องสำอางมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ตลาดเครื่องสำอางจึงมีอัตราการเติบโตมากกว่าจีดีพีของประเทศมาอย่างต่อเนื่องนอกจากกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางจะมีการขยายตัวในทุกปีแล้วผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องก็ได้รับโอกาสเติบโตตามไปด้วย อย่างเช่นสินค้ากลุ่มสำลีที่เป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ที่จะต้องใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอาง ช่วงที่ผ่านมาตลาดจึงเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท

นางสาว

[caption id="attachment_210149" align="aligncenter" width="503"] ดลลชา รัตนวงศ์สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซันวิชั่น จำกัด ดลลชา รัตนวงศ์สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซันวิชั่น จำกัด[/caption]

ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำลีและทิชชูเปียก แบรนด์แคริสม่า (Karisma) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในปีนี้สภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังไม่เติบโตเป็นปกติ แต่ปัจจุบันตลาดสำลียังสามารถรักษามูลค่าตลาดไว้ได้เพราะผู้หญิงยังคงแต่งหน้าและจำเป็นต้องใช้สำลีเพื่อทำความสะอาดผิว แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาจะมีการใช้สำลีสำหรับเช็ดและทำความสะอาดผิวเด็กทารก และอัตราการเกิดของเด็กไทยจะไม่เพิ่มขึ้นก็ตาม การใช้สำลีเพื่อเช็ดเครื่องสำอางที่เพิ่มมากขึ้น จึงเข้ามาทดแทนกับอัตราการใช้ในกลุ่มเด็กทารกที่ลดลงได้

นอกจากนี้ แม้ว่าปริมาณการใช้สำลีในกลุ่มเด็กทารกที่ลดลงไปแต่พฤติกรรมของแม่ยุคใหม่ที่เน้นความสะอาดและสะดวกสบาย ได้หันไปใช้ผลิตภัณฑ์ทิชชูเปียกแทน ทำให้ตลาดของทิชชูเปียกมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นโดยปีที่ผ่านมาตลาดทิชชูเปียกมีมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 13% ส่วนในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 15%เป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังใช้สินค้าเพื่อความสะดวกสบายและการทำตลาดของแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่มีอย่างต่อเนื่องด้วย

นางสาวดลลชากล่าวว่า จากทิศทางการเติบโตของตลาดดังกล่าว ประกอบกับการวางแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท จึงได้วางเป้าหมายธุรกิจในระยะ5ปี ต้องการขึ้นเป็นผู้นำตลาดของผลิตภัณฑ์สำลี และทิชชูเปียก โดยปัจจุบันสำลีแบรนด์แคริสม่าอยู่ติดอันดับท็อป3ส่วนทิชชูเปียกแบรนด์แคริสม่าเป็นผู้นำตลาดอันดับ2ด้วยส่วนแบ่งการตลาด13.7%ขณะที่ผู้นำตลาดอันดับ1มีส่วนแบ่งตลาด25% และอันดับ3 มีส่วนแบ่งตลาด 10%

สำหรับแผนการตลาดเพื่อผลักดันให้แบรนด์แคริสม่าขึ้นเป็นผู้นำตลาดนั้นนางสาวดลลชา กล่าวว่า ได้เตรียมแผนการตลาดทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งจะเพิ่มช่องทางร้านเทรดิชันนัลเทรดให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ อย่างน้อยภายในสิ้นปีนี้ให้มีจำนวน 50 ร้านค้า จากปัจจุบันมีจำนวน 20 ร้านค้า นอกจากนี้ ยังต้องการขยายผ่านช่องทางขายตรงในรูปแบบตัวแทนจำหน่ายและการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยจากปัจจุบันที่บริษัทจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยาและช่องทางออนไลน์

ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทยังเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับบิวตี้ในปีหน้าด้วยอีก 2-3 รายการ รวมถึงการนำเอาคาแรกเตอร์การ์ตูนมาใช้บนบรรจุภัณฑ์ของสินค้าใหม่ด้วย ที่อยู่ระหว่างการเจรจาจะนำมาใช้อีก 3คาแรกเตอร์ จากปัจจุบันมีตัวการ์ตูนโดราเอมอนและริลัคคุมะที่ใช้บนบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์แคริสม่าแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าทำการโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านสื่อต่างๆแบบครบวงจร โดยปีนี้คาดว่าจะเพิ่มงบประมาณอีก5เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้ทดลองใช้งบผ่านสื่อโฆษณาและทำตลาดในปีที่ผ่านมาทำให้มียอดขายเติบโตถึง 46%ส่วนปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโตในอัตรา 40-45% และปีหน้าตั้งเป้ายอดขายเติบโต 40% อย่างต่อเนื่องด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว