มึน! “เหล้า-เบียร์” ลักไก่ขึ้นราคา

24 ก.ย. 2560 | 05:49 น.
สรรพสามิตผนึกมหาดไทย! กวดจับพ่อค้าคนกลางลักไก่ “ขึ้นราคา” เหล้า-เบียร์ เกินอัตราภาษีใหม่ ...โชวห่วยซัด! “ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว” ปั่นราคาพุ่ง ผู้ประกอบการประกาศตรึงราคาเดิมถึง ต.ค. เหตุต้องยื่นราคาขายปลีกแนะนำให้สรรพสามิตสอบ

การเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีสรรพสามิต ตามกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าสุรา เบียร์ และยาสูบ พบว่า มีการขึ้นราคาขายเกินจริง ขณะที่ หมวดรถยนต์ไม่มีปัญหา

นายณัญกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในสินค้าสุราและยาสูบมีข่าวลือเยอะมาก ในเรื่องการเก็งกำไรและปรับราคาขายเพิ่มขึ้นสูงกว่าภาระภาษีที่จะเกิดขึ้นมาก อย่างที่ “เชียงใหม่” มีการปรับราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น 10-20 บาท จากซองละ 80 ปรับเพิ่มเป็น 100 บาท หรือในบางพื้นที่มีการปรับราคา 30-40 บาทเลยทีเดียว

กรมสรรพสามิตจึงได้ประสานงานไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีการตรวจสอบในพื้นที่แต่ละจังหวัด ไม่ให้มีการกักตุนสินค้าหรือปรับราคาที่สูงเกินเหตุ ซึ่งจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เพราะในหลักการของโครงสร้างภาษีในครั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้ยืนยันตลอดว่า ไม่กระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค เพราะรัฐบาลไม่ได้ต้องการรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ในหลักการก็ไม่ควรปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด

“แรก ๆ ช่วง 1-2 วัน ก่อนและหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ อาจจะเกิดความสับสนและไม่แน่ใจ ทำให้มีข่าวลือเยอะมาก ในเรื่องการปรับราคาสินค้าที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะที่เป็นบุหรี่และสุรา-เบียร์ แต่เมื่อเห็นอัตราที่ชัดเจน ทุกอย่างก็นิ่งขึ้นและมีราคาอ้างอิงแน่นอน” นายณัฐกร กล่าว

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2560 โรงงานยาสูบได้ประกาศราคาขายปลีกบุหรี่ของโรงงานยาสูบ เช่น Line จาก 40 เป็น 60 บาทต่อซอง, SMS จาก 51 บาท เป็น 60 บาท, สายฝน จาก 86 บาท เป็น 95 บาท, กรองทิพย์ จาก 86 บาท เป็น 95 บาท และวันเดอร์ จาก 63 บาท เป็น 60 บาท

ขณะที่ ราคาขายปลีกของบุหรี่ต่างประเทศ ก่อนวันที่ 16 ก.ย. คือ มาร์ลโบโร 7.1 ราคา 98 บาทต่อซอง, มาร์ลโบโร ธรรมดา 125 บาทต่อซอง และมาร์ลโบโร แบล็ค 165 บาทต่อซอง ซึ่งยังไม่มีการขึ้นราคา

นายชัยยุทธ์ คำคูณ รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลากร กรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรได้เตรียมความพร้อม โดยตั้งวอร์รูมร่วมกับกรมสรรพสามิต เพื่อให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการนำเข้าสุรา ยาสูบ ที่ต้องยื่นใบขนสินค้าภายใต้กฎหมายสรรพสามิตใหม่ กรณีที่ผู้ประกอบการต้องใช้ราคาขายปลีกแนะนำเป็นฐานในการคำนวณภาษี หากไม่แน่ใจในข้อปฏิบัติ ก็สามารถสอบถามจากเจ้าหน้าที่ได้

ปูด! เอเยนต์กักตุน
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าปลีก-ส่งไทย กล่าวว่า ก่อนและหลังวันที่ภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้ เมื่อ 16 ก.ย. 2560 พบการกักตุนในสินค้าสุรา เบียร์ และบุหรี่ แต่เป็นการกักตุนจากบรรดาเอเยนต์ ในขณะที่พ่อค้าส่ง ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ไม่มีสินค้าให้จำหน่าย หรือ กักตุน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สินค้าบุหรี่นิ่งแล้ว หลังจากโรงงานยาสูบประกาศราคา ส่วนสุราและเบียร์คาดว่า จะลงตัวภายในสัปดาห์นี้

“ผมห่วงกำลังซื้อ ที่จะได้รับผลกระทบข้างเคียงจากการขึ้นภาษีและขึ้นราคาขายเหล้า บุหรี่ เพราะคนที่สูบ คนที่ดื่ม ยังไงก็ยังคงสูบหรือดื่ม แม้ราคาจะขึ้น แต่เขาเลือกที่จะไปลดการซื้อสินค้าอื่น ๆ แทน”

ราคาเหล้าขยับ
“ฐานเศรษฐกิจ” ลงสนามสำรวจราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านโชวห่วย พบว่า ร้านโชวห่วยส่วนใหญ่ปรับราคาเหล้าและเบียร์ขึ้นแล้ว โดยให้เหตุผลว่า ร้านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ปรับราคาขายสูงขึ้น ทำให้ต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย

โดยพบว่า ราคาขายส่งเบียร์จากร้านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 80-120 บาท ทำให้ราคาขายปลีกต้องขยับขึ้นเฉลี่ย 5-10 บาทต่อขวด ขณะที่ เหล้าไทย อาทิ แสงโสม, หงส์ทอง, เบลนด์ 285 ราคาขึ้นเฉลี่ย 20 บาทต่อขวด ขณะที่ ร้านสะดวกซื้อ ได้แก่ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นและแฟมิลี่มาร์ท ยังคงขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในราคาเดิม มีปรับขึ้นเฉพาะบุหรี่เท่านั้น

โรงงานยังไม่ขยับ
ผู้ประกอบการเบียร์รายหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดที่ออกจากโรงงาน ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แม้จะเป็นการซื้อแสตมป์ในอัตราภาษีใหม่ตามที่กรมสรรพสามิตกำหนด เพราะเบื้องต้น ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องยื่นราคาขายปลีกแนะนำให้กรมสรรพสามิต เพื่อใช้ในการคำนวณราคาขายใหม่ก่อน และปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดยื่นราคาขายปลีกแนะนำ ดังนั้น จึงยังไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด

ทั้งนี้ คาดว่า ผู้ประกอบการแต่ละรายจะเริ่มยื่นราคาขายปลีกแนะนำต่อกรมสรรพสามิตภายในเดือน ต.ค. นี้ และจะเริ่มเห็นราคาใหม่สินค้าแอลกอฮอล์แต่ละกลุ่มหลังเดือน ต.ค. เป็นต้นไป และจะเริ่มเห็นทิศทางของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของราคาชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในช่วงเดือน เม.ย. 2561 หลังจากพ้นช่วงไฮซีซั่นในปลายปีนี้และต้นปีหน้า

“แน่นอนว่า ช่วงปลายปี ถือเป็นไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การปรับราคาขึ้นจะมีผลต่อธุรกิจ ดังนั้น ราคาขายในช่วงนี้จะยังไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งหากมีการปรับราคาขึ้นจริง มองว่า เป็นเรื่องของร้านค้ายี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในช่วงรอยต่อของการปรับภาษีมากกว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา แต่ละแบรนด์มีการผลิตสินค้าในสต๊อกให้เพียงพอต่อความต้องการในช่องการขาย ที่ถือเป็นหน้าไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะมีการยื่นราคาขายปลีกแนะนำ เพื่อปรับราคาใหม่อยู่แล้ว”

เบียร์ไม่ปรับราคา
ผู้ประกอบการรายเดิม ยังย้ำว่า เชื่อว่า การปรับขึ้นราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละกลุ่ม หลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 ไม่น่าจะมีการปรับขึ้นราคามากจนส่งผลกระทบต่อตลาด โดยมองว่า กลุ่มเบียร์น่าจะมีการปรับขึ้นมาที่ 1-2 บาท หรือ มากสุดอาจจะอยู่ที่ 3 บาทต่อขวด ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละแบรนด์ไม่น่าจะปรับขึ้นสูงมากไปกว่านี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาด

ด้าน “กลุ่มเหล้านอกนำเข้า” ที่มีระดับราคาหลักพันบาทขึ้นไป น่าจะมีการปรับขึ้นราคาเฉลี่ย 10 บาทต่อขวด และถือว่า เป็นราคาที่ผู้บริโภครับได้ ขณะที่ ในกลุ่มสุราขาวนั้น แม้หลายฝ่ายจะกังวลในเรื่องของราคาว่า จะปรับเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณดีกรีหรือไม่นั้น ประเมินว่า จากการที่ตลาดสุราขาวมีผู้เล่นเข้ามาเพิ่มเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีการผูกขาดเพียงเจ้าเดียว ทำให้มองว่า ทางแบรนด์ไม่น่าจะมีการปรับขึ้นราคาที่มากจนเกินไป เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21-23 ก.ย. พ.ศ. 2560

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว