กนอ.เดินสายโรดโชว์รับเบอร์ซิตี้ที่มาเลเซีย

19 ก.ย. 2560 | 07:08 น.
กนอ.เดินสายโรดโชว์ผู้ประกอบการยางในงานประชุมยางพาราโลก ที่มาเลเซีย โชว์ความก้าวหน้า 2 ทำเลการลงทุนอุตสาหกรรมยาง ทั้งนิคมฯในเขตเศรษฐกิจสะเดา และนิคมฯรับเบอร์ชิตี้ จ.สงขลา เผยนักลงทุนยางหลายรายสนใจข้อมูล ติดตามความคืบหน้าการพัฒนา

[caption id="attachment_209651" align="aligncenter" width="503"] นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม[/caption]

นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้เร่งให้มีการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน (SEZ) ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการจัดสรรพื้นที่เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา จังหวัดสงขลา กับกรมธนารักษ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงความต่อเนื่องของการพัฒนาพื้นที่โครงการนิคมฯยางพารา (Rubber City) จังหวัด สงขลา ซึ่งทั้งสองนิคมฯนี้จะพัฒนาเพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา ทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทำให้มีนักลงทุนเป้าหมายให้ความสนใจในการติดตาม และสอบถามข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง

โดยผลจากการโรดโชว์ ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กนอ.ในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทย ได้เข้าร่วมประชุมสัมมนา“ยางพาราระดับโลก 2017 หรือ Global Rubber Conference” ครั้งที่ 13 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยางพารา เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลก ซึ่งได้รับการตอบรับ จากนักลงทุนที่เข้าร่วมและซักถามข้อมูลการลงทุนรวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆจำนวนหลายราย

สำหรับการร่วมกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ กนอ.ได้พบปะกับนักลงทุนที่ให้ความสนใจที่จะลงทุนในพื้นที่อุตสาหกรรมยางพารา โดยมีการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) โดยเฉพาะนักลงทุนอุตสาหกรรมยาง รายใหญ่ของมาเลเซีย สอบถามข้อมูลรวมถึงทิศทางอุตสาหกรรมยาง และเป้าหมายของการพัฒนานิคมฯแล้วเสร็จ ทั้งนี้ กนอ.ได้เชิญชวนให้นักลงทุนประเทศมาเลเซียเข้ามาลงทุนในนิคมฯทั้ง 2 พื้นที่ทั้งนิคมฯ ยางพารา และนิคมฯ สะเดา ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซีย IMG_1640

ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่นิคมฯทั้ง 2 แห่งมีความคืบหน้าในการพัฒนาพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมฯยางพารา ระยะที่ 3 พื้นที่ 750 ไร่ ที่ขณะนี้สามารถพัฒนาได้เร็วกว่าแผน และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ปลายปี 2560 และปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย บางส่วนเข้ามาลงนามซื้อที่ดินแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพิ่มอีก ประมาณ 5 ราย

นอกจากนั้นการพัฒนาโครงการนิคมฯในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา จังหวัดสงขลา พื้นที่ 927 ไร่ ซึ่ง กนอ.ได้ลงนามเช่าพื้นที่ จาก กรมธนารักษ์ จำนวน 629 ไร่ เพื่อพัฒนาพื้นที่รองรับการลงทุนในระยะแรก และปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเห็นชอบการลงทุนในราวปลายปี 2560 Rubber Zone A2

ส่วนรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) มีความคืบหน้าล่าสุด คณะกรรมการผู้ชำนาญการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา มีมติเห็นว่ารายงานดังกล่าวมีความสมบูรณ์ครบถ้วนเพียงพอที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) และนำเสนอต่อ ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในต้นปี 2561 ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนทั้งขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี เริ่มเข้าสอบถามข้อมูลและรายละเอียดอื่นๆมาอย่างต่อเนื่องแล้วหลายราย