บอร์ด DCORP อนุมัติลงทุน "โครงการเดอะมาร์เวลเอ็กซ์พีเรียนซ์ไทยแลนด์ : ธีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์แอ็ทแทรคชั่น" มูลค่า 280 ล้านบาท
บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2560 อนุมัติการลงทุนในธุรกิจพัฒนาแหล่งให้ความบันเทิงในรูปแบบดิจิทัล ไฮเปอร์ เรียลลิตี้ โครงการเดอะมาร์เวลเอ็กซ์พีเรียนซ์ไทยแลนด์: ธีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์แอ็ทแทรคชั่น ในบริษัทฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ และการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ต.ค.2560 รวมมูลค่า 280 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำนวน 805,264 หุ้น คิดเป็น 30% ในราคาหุ้นละ 335.29377 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 270 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ซื้อหุ้นเพิ่มทุนร่วมกับนายนิติ เนื่องจำนงค์ ซึ่งนายนิติซื้อจำนวน 67,105 หุ้น คิดเป็น 2.50% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของบริษัท เป็นจำนวนเงิน 22.5 ล้านบาท และนายนิติ หรือบุคคลที่นายนิติ เป็นผู้กำหนด ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนฮีโร่ อีกจำนวน 536,843 หุ้น คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของบริษัท เป็นเงิน 180 ล้านบาท โดยฮีโร่ฯ จะเพิ่มทุนจาก 127.5 ล้านบาท เป็น 268,421,200 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,409,212 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท นอกจากนี้เข้าซื้อหุ้นฮีโร่ จาก บริษัท แทนเวล แซนแนล เอเจนซี่ จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 67,106 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 10 ล้านบาท
สำหรับการซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่ตราไว้ เนื่องจากบริษัทได้พิจารณาตรวจสอบสถานะกิจการและประเมินมูลค่าของฮีโร่ที่ประเมินโดยผู้ประเมินอิสระแล้วมีมูลค่าเท่ากับ 2,616 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเข้าลงทุนและซื้อหุ้นในสัดส่วน 32.5% ซึ่งเป็นมูลค่า 850.2 ล้านบาท แต่จากการเจรจาต่อรองบริษัทได้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 280 ล้านบาท เพื่อให้ได้หุ้นในสัดส่วนดังกล่าว จึงเป็นการเข้าซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสมแล้ว ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คาดหวัง
อย่างไรก็ตามธุรกรรมการซื้อหุ้นจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่สำคัญตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นสำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์และกรณีที่ธุรกรรมสำเร็จบริษัทจะเข้าถือหุ้นในฮีโร่ฯ 32.5% ของทุนจดทะเบียน
บริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจท่องเที่ยว จึงมีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการพัฒนาธุรกิจดิจิทัลอินโนเวชั่นของบริษัท