ทางออกนอกตำรา : เบื้องลึก ‘เจ้าพ่อ’ รถหรู เปิดศึก ‘กรมศุลฯ’

ทางออกนอกตำรา
โดย...บากบั่น บุญเลิศ


เบื้องลึก‘เจ้าพ่อ’รถหรู เปิดศึก‘กรมศุลฯ’



ถือเป็นปฏิบัติการที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ“สมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส” เจ้าของโชว์รูมรถนำเข้าใน “กลุ่ม BRG-เบนซ์พระรามเก้า” ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ พร้อมตัวแทนสมาชิกกว่า 60 บริษัท ตัดสินใจฟ้องศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้เพิกถอนหนังสือลับมาก ด่วนที่สุด ที่ กค 0521(ส)/ร 2640 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2560 เรื่องการประเมินราคารถยนต์ 4 ยี่ห้อ ที่กำหนดเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินราคารถยนต์ต่างไปจากคำสั่งกรมศุลกากรที่ 317/2547

โดยในระหว่างพิจารณาคดีได้เรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งระงับ ไม่ให้กรมศุลกากรใช้วิธีการในการประเมินราคารถตามหนังสือดังกล่าว

ที่ไม่คาดคิดเพราะที่ผ่านมาบริษัทนำเข้ารถยนต์หรู รถซูเปอร์คาร์ ที่วิ่งโฉบเฉี่ยวในเมืองไทย ไม่มีใครหน้าไหนกล้าหือกับกรมศุลกากรเด็ดขาด…ขอบอกว่า ไม่เคยมีจริงๆ...

เพราะอะไรนะหรือ เพราะที่ผ่านมาบริษัทนำเข้ารถหรูในระบบแทบจะ 100% จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีและอำนาจในการตัดสินของข้าราชการที่นี่ในการเปิดทางให้นำรถเข้ามาขายในประเทศ

ข้อมูลและบันทึกของป.ป.ช.ระบุชัดจากการตรวจสอบกระบวนการนำเข้ารถหรูมาในประเทศไทยแล้วพบว่า มีการสำแดงราคาผิดร่วม 4,000-5,000 คันนั้น มีการกระทำที่ต้องผ่านหูผ่านตาของกรมศุลกากรทั้งสิ้น

อะไรที่ทำให้ “บรรดาขาใหญ่” ในตลาดนำเข้ารถหรู แต่ละคนมีอาณาจักรในธุรกิจที่ใหญ่โต กล้าออกมาประกาศศึกกับกรมศุลกากร



ใช่ข้ออ้างว่า มีการออกประกาศการปรับราคารถยนต์ 4 รุ่น โดยไม่แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า คือ รถปอร์เช่, ลัมโบร์กินี, เฟอร์รารี่ และ

มาเซราติ ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 70-85% เช่น รถปอร์เช่ รุ่น PANAMERA4 E-HYBRID จำนวน 1 คัน ตามหลักเกณฑ์เดิมราคาศุลกากรจะอยู่ที่ 2,440,271 บาท ต้องชำระภาษีทั้งสิ้น 3,178,382 บาท แต่หากคำนวณตามราคาประเมินหลักเกณฑ์ใหม่ ราคาศุลกากรจะอยู่ที่ 4,852,039 บาท และจะต้องชำระภาษีทั้งสิ้น 5,647,991 บาท เท่ากับมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 ล้านบาท ตัวเลขเช่นนี้จะทำให้ผู้ประกอบการถึงขั้นล้มละลายไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ และอาจต้องเป็นหนี้ด้วยใช่หรือไม่

ใช่เพราะการปรับหลักเกณฑ์ของกรมศุลกากรครั้งนี้ ไม่ปรากฏว่ามีการอาศัยอำนาจตามความในกฎหมายระดับ พ.ร.บ.ฉบับใดมารองรับเพื่อยกเลิกคำสั่งกรมศุลกากรที่ 317/2547 หรือไม่

ใช่เพราะกำหนดให้ใช้ราคาโดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ www.automotor.it โดยกำหนดให้ประเมินราคาและหักราคาในอัตราที่แตกต่างกันไปตามประเทศที่เป็นต้นทางในการนำเข้ารถดังกล่าว ทั้งๆ ที่รถยี่ห้อดังกล่าวผลิตจากที่เดียวกัน แต่กลับกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคาต่างกัน ใช่หรือไม่



เหตุผลเหล่านี้ อาจจะเป็นเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังคืออะไร…ล้วนคาใจคนในวงการแทบทั้งสิ้น

ผมมิอาจบอกข้อมูลไปทางตรงได้ชัดเจนในตอนนี้ แต่อยากชี้โพรงให้ขบคิดกันนิดหนึ่งว่า หลักของสมรภูมินี้มีเดิมพันปีละหลายพันล้านบาทนั้น

ใช่เพราะว่าบรรดาผู้ประกอบการนำเข้ารถหรูเหล่านี้ ซึ่งปีที่แล้วมีการนำเข้ารถยนต์หรูมาจำหน่ายในประเทศทั้งสิ้น 5,800 คัน มีการนำเข้ารถยนต์มาที่ท่าเรือหรือเขตปลอดอากรแล้วกว่า 1,000-2,000 คัน แต่ออกของไม่ได้ใช่หรือไม่

ใช่เพราะว่าในจำนวนนั้นมีรถที่นำเข้ามาจะต้องถูกปรับฐานภาษีใหม่ร่วม 1,000 คัน จริงหรือเปล่า

ใช่เพราะว่ารถยนต์หรูที่นำเข้ามาแล้วนั้นจะต้องเจอกับการปรับอัตราภาษีใหม่ แล้วทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่าเดิมร่วม 30% ใช่หรือไม่



ใช่เพราะว่ารถยนต์ที่นำเข้ามาหลายต่อหลายคันนั้น ได้มีการล็อกราคาขายให้กับลูกค้าไปแล้ว แต่เมื่อมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นทำให้กำไรของผู้ประกอบการรถยนต์ลดลงใช่หรือไม่

ใช่เพราะวิธีการของกรมศุลกากรรอบนี้ มีกระบวนการทลายป้อมค่ายประตูของขบวนการอัลคาโปน ที่มีการสำแดงราคารถที่นำเข้าตํ่ากว่าความเป็นจริง โดยกลุ่มผู้นำเข้า-ชิ้ปปิ้ง-ค่ายรถ ร่วมกันใช้วิธีการทำปลอมใบขนสินค้าขึ้นใหม่ (อินวอยซ์) โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกลุ่มหนึ่งรู้เห็นเป็นใจใช่หรือไม่

ใช่เพราะบริษัทนำเข้ารถหรูอิสระกว่า 200 บริษัท ที่สั่งซื้อและนำเข้ารถจากประเทศอังกฤษญี่ปุ่น เช่น รถเบ๊นซ์ พอร์ซ เฟอร์รารี่ เบนท์ลีย์ โดยสำแดงราคานำเข้าที่ตํ่ากว่าความเป็นจริง ก่อนจะนำรถไปขายต่อให้กับเศรษฐีและกลุ่มนักการเมืองในราคาแพง มีการสำแดงราคาที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นใช่หรือไม่



ใช่เพราะมีเศรษฐีกลุ่มทุนบางกลุ่มอยู่เบื้องหลังกรมศุลกากร เพื่อกวาดล้างบริษัทนำเข้ารถอิสระ ให้มีต้นทุนที่แพงขึ้น เพื่อลดการสร้างสงครามราคาขายกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจนมีกำไรลดลงหรือไม่

ใช่เพราะมีกลุ่มทุนขาใหญ่บางกลุ่มพยายามล้มผู้นำเข้าอิสระ เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ราคาแพงอย่างเป็นทางการจริงหรือไม่

นี่คือเบื้องหน้าเบื้องหลังปฏิบัติการฮึดสู้ของผู้นำเข้ารถยนต์อิสระในเมืองไทย ที่สร้างความตกตะลึงให้กับวงการ

 

คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา/ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3297 ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ย.2560