AurumLustre กระเป๋าหนังแท้ราคาโดนใจ
“อภิเชษฐ์ มงคลแสงสุรีย์ หรือ อ้น” เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง แบรนด์ Aurum Lustre จบการศึกษาด้านเกษตร สาขาแมลง จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แต่ชีวิตการทำงานไม่ได้เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากเป็นคนที่รักการค้าขาย ผ่านการลองผิดลองถูกกับอาชีพค้าขายมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ขายเสื้อผ้าในย่านสยาม แหล่งช็อปปิ้งสำคัญ เพราะอยู่ใกล้บ้าน และมาขยายสาขาที่ตลาดนัดจตุจักร
จนกระทั่งปี 2554 ธุรกิจเริ่มมีปัญหาเนื่องจากโซนสยามเป็นพื้นที่เสี่ยงจากวิกฤติการเมืองบวกกับตลาดเสื้อผ้าเริ่มอิ่มตัวก่อนที่จะมาพบกับทางออก หันมาจับธุรกิจเครื่องหนังเต็มตัว เป็นสินค้าที่ชื่นชอบอยู่แล้วเป็นทุน
[caption id="attachment_208845" align="aligncenter" width="424"]
อภิเชษฐ์ มงคลแสงสุรีย์[/caption]
“อ้น” เล่าให้ฟังว่า ธุรกิจเครื่องหนังเกิดขึ้นภายใต้แบรนด์ Aurum Lustre เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ที่ทำจากหนังวัวแท้ หาซื้อวัตถุดิบคุณภาพมาจากย่านเสือป่า และย่านเจริญรัถ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องหนังตั้งแต่ซองใส่นามบัตร พวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ไซซ์เล็ก กระเป๋าพาสปอร์ต กระเป๋าใส่นามบัตร โดยผลดำเนินงานเริ่มดีขึ้นตามลำดับ กำลังขยับไปสู่กระเป๋าไซซ์ใหญ่ขึ้น ขายสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาระดับตลาดกลางๆ ส่งออกและขายในประเทศอยู่ในสัดส่วนละ 50%
แบรนด์Aurum Lustre มีจุดเด่นตรงที่ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นลูกค้าสามารถปั๊มชื่อแบรนด์ของตัวเองวางขายตามห้างร้านได้เลย นอกจากนี้ยังรับงานพรีเมียมให้บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆด้วย ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มยอดขาย รวมไปถึงสินค้าเริ่มมีฐานลูกค้าต่างประเทศสั่งออร์เดอร์เข้ามามากขึ้น ทั้งฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา ญี่ปุ่น ยุโรป ซื้อเพื่อไปขายต่อ โดยมีแหล่งผลิตของตัวเอง 2-3 แหล่งในย่านดอนเมือง ระยองและย่านเจริญรัถ และออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังได้รับการยอมรับมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วย
++เล็งขยายตลาดจีน สิงคโปร์ไต้หวัน
สำหรับการพัฒนาเครื่องหนังในทุกปีจะมีการพัฒนาการผลิตให้ทันสมัย มีการออกแบบสินค้าหลากหลายมากขึ้น พัฒนาการผลิตกระเป๋าหนังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การผลิตเข็มขัดจากหนังวัวแท้ รวมถึงกระเป๋าการ์ตูน สินค้าเหล่านี้เริ่มวางขายแล้ว และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
ส่วนช่องทางการจำหน่ายสินค้าปัจจุบันมีหน้าร้านอยู่ที่จตุจักร ขายผ่านเฟซบุ๊ก Aurum Lustre และIDไลน์ @ AurumLustre, instagram: aurum_lustre และช่องทางไอจี Aurum Lustre รวมถึงมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังจีน สิงคโปร์ และไต้หวัน
++ทำธุรกิจยึด 2 S
อ้นกล่าวถึงจุดยืนในการทำธุรกิจว่า โดยส่วนตัวจะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพราะทุกอย่างมีการแข่งขัน และจะให้ความสำคัญกับ 2 S คือ SIMPLE และ SPEED คือเรื่องของการขายง่ายและรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง แบรนด์Aurum Lustre จะมีออร์เดอร์เครื่องหนังเข้ามาต่อเดือน 7-8 หมื่นบาท แต่ราคาขายจริงจะอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน เนื่องจากธุรกิจมีทั้งขายส่งและขายปลีก โดยมีโปรโมชันให้ลูกค้ากรณีที่ซื้อเครื่องหนังรวมกันเกิน 100 ชิ้นขึ้นไปโดยสามารถคละแบบได้ จะมีส่วนลดให้ลูกค้าตั้งแต่ 30-40% โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เฉลี่ย 100,000 บาทต่อเดือน หรือ1,200,000 บาทต่อปีภายในปีนี้
และตั้งเป้าว่าอีก 2 ปีนับจากนี้ไปยอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่ที่การแข่งขันด้วย
สำหรับเป้าหมายในการรักษาแบรนด์ “อ้น” จะมอง ว่าถ้าจะทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง Aurum Lustre อยู่ยงคงกระพันได้นั้น จะต้องมี 4 ประการที่ท่องไว้คือ 1.จะต้องรักษาคุณภาพการผลิตให้สมํ่าเสมอ 2. ไม่หยุดพัฒนาสินค้า
3. ศึกษาคุณภาพวัตถุดิบหรือหนังแท้ที่นำมาใช้เพื่อให้งานผลิตภัณฑ์เครื่องหนังทุกประเภทให้ออกมาดี 4.คิดค้นการออกแบบสินค้าให้หลากหลาย และมีความแตกต่างไปจากคู่แข่งเราถึงจะไปต่อในธุรกิจนี้ได้
ทั้งหมดนี้ล้วนตอบโจทย์ให้ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง Aurum Lustre เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ตรงกับความต้องการที่สุด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560
จนกระทั่งปี 2554 ธุรกิจเริ่มมีปัญหาเนื่องจากโซนสยามเป็นพื้นที่เสี่ยงจากวิกฤติการเมืองบวกกับตลาดเสื้อผ้าเริ่มอิ่มตัวก่อนที่จะมาพบกับทางออก หันมาจับธุรกิจเครื่องหนังเต็มตัว เป็นสินค้าที่ชื่นชอบอยู่แล้วเป็นทุน
[caption id="attachment_208845" align="aligncenter" width="424"]
“อ้น” เล่าให้ฟังว่า ธุรกิจเครื่องหนังเกิดขึ้นภายใต้แบรนด์ Aurum Lustre เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ที่ทำจากหนังวัวแท้ หาซื้อวัตถุดิบคุณภาพมาจากย่านเสือป่า และย่านเจริญรัถ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องหนังตั้งแต่ซองใส่นามบัตร พวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ไซซ์เล็ก กระเป๋าพาสปอร์ต กระเป๋าใส่นามบัตร โดยผลดำเนินงานเริ่มดีขึ้นตามลำดับ กำลังขยับไปสู่กระเป๋าไซซ์ใหญ่ขึ้น ขายสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาระดับตลาดกลางๆ ส่งออกและขายในประเทศอยู่ในสัดส่วนละ 50%
แบรนด์Aurum Lustre มีจุดเด่นตรงที่ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นลูกค้าสามารถปั๊มชื่อแบรนด์ของตัวเองวางขายตามห้างร้านได้เลย นอกจากนี้ยังรับงานพรีเมียมให้บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆด้วย ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มยอดขาย รวมไปถึงสินค้าเริ่มมีฐานลูกค้าต่างประเทศสั่งออร์เดอร์เข้ามามากขึ้น ทั้งฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา ญี่ปุ่น ยุโรป ซื้อเพื่อไปขายต่อ โดยมีแหล่งผลิตของตัวเอง 2-3 แหล่งในย่านดอนเมือง ระยองและย่านเจริญรัถ และออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังได้รับการยอมรับมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วย
สำหรับการพัฒนาเครื่องหนังในทุกปีจะมีการพัฒนาการผลิตให้ทันสมัย มีการออกแบบสินค้าหลากหลายมากขึ้น พัฒนาการผลิตกระเป๋าหนังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การผลิตเข็มขัดจากหนังวัวแท้ รวมถึงกระเป๋าการ์ตูน สินค้าเหล่านี้เริ่มวางขายแล้ว และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
ส่วนช่องทางการจำหน่ายสินค้าปัจจุบันมีหน้าร้านอยู่ที่จตุจักร ขายผ่านเฟซบุ๊ก Aurum Lustre และIDไลน์ @ AurumLustre, instagram: aurum_lustre และช่องทางไอจี Aurum Lustre รวมถึงมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังจีน สิงคโปร์ และไต้หวัน
อ้นกล่าวถึงจุดยืนในการทำธุรกิจว่า โดยส่วนตัวจะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพราะทุกอย่างมีการแข่งขัน และจะให้ความสำคัญกับ 2 S คือ SIMPLE และ SPEED คือเรื่องของการขายง่ายและรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง แบรนด์Aurum Lustre จะมีออร์เดอร์เครื่องหนังเข้ามาต่อเดือน 7-8 หมื่นบาท แต่ราคาขายจริงจะอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน เนื่องจากธุรกิจมีทั้งขายส่งและขายปลีก โดยมีโปรโมชันให้ลูกค้ากรณีที่ซื้อเครื่องหนังรวมกันเกิน 100 ชิ้นขึ้นไปโดยสามารถคละแบบได้ จะมีส่วนลดให้ลูกค้าตั้งแต่ 30-40% โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เฉลี่ย 100,000 บาทต่อเดือน หรือ1,200,000 บาทต่อปีภายในปีนี้
สำหรับเป้าหมายในการรักษาแบรนด์ “อ้น” จะมอง ว่าถ้าจะทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง Aurum Lustre อยู่ยงคงกระพันได้นั้น จะต้องมี 4 ประการที่ท่องไว้คือ 1.จะต้องรักษาคุณภาพการผลิตให้สมํ่าเสมอ 2. ไม่หยุดพัฒนาสินค้า
ทั้งหมดนี้ล้วนตอบโจทย์ให้ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง Aurum Lustre เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ตรงกับความต้องการที่สุด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560
