‘โบลอง’เป้า5ปีกวาด200ล.
เอสซีลอร์ สบช่องตลาดแว่นตาระดับกลางไร้คู่แข่ง เร่งผนึกพาร์ตเนอร์ต่างชาติ ส่ง “โบ ลอง” บุกตลาดเมืองไทย วางเป้า 5 ปี โกยยอดขาย 200 ล้านบาท รั้งเบอร์ 2 ตลาดแว่นระดับกลางเมืองไทย
นายทฤษฎี ตุลยอนุกิจ กรรมการผู้จัดการภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์แว่นตาระดับโลก และได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายแว่นตาโบลอง (BOLON) ในไทย เปิดเผย กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เอสซีลอร์ เติบโตในไทยมากว่า 10 ปี มีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม หลังจากนั้นจึงมองหาธุรกิจที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนร้านแว่นตาที่เป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือแผนกแว่นตา ผ่านการนำสินค้าต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม นั่นก็คือกลุ่มธุรกิจแว่นตาพรีเมียมระดับบน ไม่ว่าจะเป็น กุชชี่,โบเตก้า,คาเทียร์ และพูม่า เป็นต้น
[caption id="attachment_208804" align="aligncenter" width="334"]
ทฤษฎี ตุลยอนุกิจ กรรมการผู้จัดการภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด[/caption]
ล่าสุด ได้ร่วมทุนกับบริษัทแม่ของแบรนด์โบลอง (BOLON) จากอิตาลี โดยได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดในไทยและกลุ่มประเทศอินโดจีนเป็นหลัก (และสามารถวางจำหน่ายได้ในทุกประเทศที่มีเอสซีลอร์วางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกทั้ง 70 ประเทศ) โดยเริ่มเปิดตัวแบรนด์ในไทยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นดีไซน์และวัตถุดิบจากอิตาลี และมีการดีไซน์ให้เหมาะกับคนเอเชียเป็นพิเศษ
สำหรับแผนงานนับจากนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดกว่า 10 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ผ่านเซเลบริตีต่างๆ มาเป็นพรีเซนเตอร์ในการสร้างการรับรู้ โดยในเมืองไทยใช้ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” มาเป็นพรีเซนเตอร์หลักช่วง 2 ปีนับจากนี้ นอกจากนี้ยังจะเน้นสื่อสารแบรนด์โดยเน้นงานดีไซน์สวยระดับลักชัวรี หรือกล่าวคือเป็นงานพรีเมียมที่เหมาะสมกับคนเอเชียแต่ราคาสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผ่านสินค้าที่มีความหลากหลาย 2 คอลเลกชันต่อปีหรือราว 200-300 รายการ โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 3,000-4,500 บาท โดยวางเป้าหมายเจาะตลาดระดับกลางถึงบนที่นิยมใช้แว่นตากันแดดตามเทรนด์แฟชั่นและเปลี่ยนบ่อย นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย
“ปัจจุบันแว่นตากันแดดที่มีในตลาด แบ่งเป็นแว่นตามีแบรนด์ที่มีราคาค่อนข้างสูงและจับต้องยาก และตลาดแว่นตาราคาถูกเลย แต่ว่าในตลาดระดับราคา 3,500-4,000 บาท ยังมีช่องว่างอยู่ที่ไม่มีผู้เล่นเลย เลยตัดสินใจนำแว่นตาโบลองมาทำตลาด โดยวางเป้าหมาย 5 ปีนับจากนี้คือการติดท็อป 2 ในตลาดแว่นตากันแดดเมืองไทย หรือมียอดขายราว 5 หมื่นชิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ช่วงปีแรกที่ เปิดตัวบริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 200-300% และวางเป้าหมายขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังร้านค้าแว่นตาเพิ่มเป็น 1,000 ร้านค้าในช่วง 3 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันที่มีการวางจำหน่ายผ่านเชนร้านค้าแว่นตาที่เป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560
นายทฤษฎี ตุลยอนุกิจ กรรมการผู้จัดการภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์แว่นตาระดับโลก และได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายแว่นตาโบลอง (BOLON) ในไทย เปิดเผย กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เอสซีลอร์ เติบโตในไทยมากว่า 10 ปี มีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม หลังจากนั้นจึงมองหาธุรกิจที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนร้านแว่นตาที่เป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือแผนกแว่นตา ผ่านการนำสินค้าต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม นั่นก็คือกลุ่มธุรกิจแว่นตาพรีเมียมระดับบน ไม่ว่าจะเป็น กุชชี่,โบเตก้า,คาเทียร์ และพูม่า เป็นต้น
[caption id="attachment_208804" align="aligncenter" width="334"]
ล่าสุด ได้ร่วมทุนกับบริษัทแม่ของแบรนด์โบลอง (BOLON) จากอิตาลี โดยได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดในไทยและกลุ่มประเทศอินโดจีนเป็นหลัก (และสามารถวางจำหน่ายได้ในทุกประเทศที่มีเอสซีลอร์วางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกทั้ง 70 ประเทศ) โดยเริ่มเปิดตัวแบรนด์ในไทยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นดีไซน์และวัตถุดิบจากอิตาลี และมีการดีไซน์ให้เหมาะกับคนเอเชียเป็นพิเศษ
สำหรับแผนงานนับจากนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดกว่า 10 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ผ่านเซเลบริตีต่างๆ มาเป็นพรีเซนเตอร์ในการสร้างการรับรู้ โดยในเมืองไทยใช้ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” มาเป็นพรีเซนเตอร์หลักช่วง 2 ปีนับจากนี้ นอกจากนี้ยังจะเน้นสื่อสารแบรนด์โดยเน้นงานดีไซน์สวยระดับลักชัวรี หรือกล่าวคือเป็นงานพรีเมียมที่เหมาะสมกับคนเอเชียแต่ราคาสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผ่านสินค้าที่มีความหลากหลาย 2 คอลเลกชันต่อปีหรือราว 200-300 รายการ โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 3,000-4,500 บาท โดยวางเป้าหมายเจาะตลาดระดับกลางถึงบนที่นิยมใช้แว่นตากันแดดตามเทรนด์แฟชั่นและเปลี่ยนบ่อย นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย
“ปัจจุบันแว่นตากันแดดที่มีในตลาด แบ่งเป็นแว่นตามีแบรนด์ที่มีราคาค่อนข้างสูงและจับต้องยาก และตลาดแว่นตาราคาถูกเลย แต่ว่าในตลาดระดับราคา 3,500-4,000 บาท ยังมีช่องว่างอยู่ที่ไม่มีผู้เล่นเลย เลยตัดสินใจนำแว่นตาโบลองมาทำตลาด โดยวางเป้าหมาย 5 ปีนับจากนี้คือการติดท็อป 2 ในตลาดแว่นตากันแดดเมืองไทย หรือมียอดขายราว 5 หมื่นชิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ช่วงปีแรกที่ เปิดตัวบริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 200-300% และวางเป้าหมายขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังร้านค้าแว่นตาเพิ่มเป็น 1,000 ร้านค้าในช่วง 3 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันที่มีการวางจำหน่ายผ่านเชนร้านค้าแว่นตาที่เป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560
