รองนายกฯตรวจเยี่ยมศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ

รองนายกฯตรวจเยี่ยมศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ
ราวบันไดนาคเทพชุมนุมฐานไพทีนั่งราบเทพยดาท้องไม้

ราวบันไดนาค ทั้ง 4 ชั้นเทพชุมนุมฐานไพทีนั่งราบ จำนวน 132 องค์และเทพยดาท้องไม้ ได้แก่เทพนมนั่งสันและครุฑยุดนาค จำนวน 70 องค์ ถูกนำมาจัดวางและอย่รู ะหว่างการจัดสร้างด้วยความประณีต ซึ่งการดำเนินงานที่โรงเรียนศิลปะธนบุรีเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของเหล่าช่างทุกคนที่ปฏิบัติงานอย่างสุดฝีมือ เพื่อให้งานพระเมรุมาศครั้งนี้เป็นสัญลักษณ์แทนแห่งความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยทุกคนในการถวายพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศและบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการดำเนินงานจัดทำศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ โดยมีท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขาธิการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถและประธานคณะกรรมการจัดการแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริม ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และอาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบและควบคุมการจัดสร้างให้การต้อนรับและสรุปภาพรวมการดำเนินงาน

โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกรเผยว่าหลังจากที่ได้มอบหมายให้ศูนย์ ศิลปาชีพสีบัวทอง จังหวัดอ่างทอง ในการสร้างศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศซึ่งประกอบไปด้วยราวบันไดนาคเทพ ชุมนุมฐานไพทีนั่งราบเทพยดาท้องไม้ ซึ่งหลังจากการเยี่ยมชมครั้งนี้มีความคืบหน้าที่ดีใหล้แล้วเสร็จและตรง ตามโบราณราชประเพณีในการสร้างองค์พระเมรุมาศให้เกิดความสง่างามและสมพระเกียรติ อย่างไรก็ดียังเห็นและสัมผัสถึงความตั้งใจอย่างทุ่มเทซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจใน ทุกหยาดเหงื่ออย่างแท้จริง

ด้านอาจารย์สุดสาคร ชายเสมเปิดเผยว่า การจัดสร้างราวบันไดนาคและประติมากรรมท้องไม้พระเมรุมาศองค์ประธานในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีนักเรียนจากศูนย์รวมทั้งครูศิลปาชีพกว่า100ชีวิต ร่วมแรงร่วมใจกันสร้าง โดยในส่วนของราวบันไดนาค มี 4 ชั้น ประกอบไปด้วย

ชั้นที่ 1 นาค 1 เศียร ขนาด 70 ซม. ยาว 150 ซม. ลงยาสีเงิน เขียว และแดง

ชั้นที่ 2 นาค 3 เศียร ขนาด 70 ซม. ยาว 250 ซม. ประดับเลื่อมและลงยาสีน้ำเงิน

ชั้นที่ 3 นาค 5 เศียร ขนาด 70 ซม. ยาว 350 ซม. ประดับเลื่อมสีเงินไม่ลงยาสี

และชั้นที่ 4 นาค 7 เศียร ขนาด70 ซม. ยาว 510 ซม. ประดับเลื่อมสีทองไม่ลงยาสี สำหรับภาพรวมการจัดสร้างใกล้สำเร็จลุล่วงเหลือเพียงราวบันไดชั้นที่ 4 อีก 6 ตน

สำหรับเทพชุมนุมฐานไพทีนั่งราบจำนวน 132 องค์ รอบฐานท้องไม้พระเมรุมาศชั้นล่างขนาดความสูง60 ซม. และเทพยดาท้องไม้ ได้แก่เทพนมนั่งส้นและครุฑยุดนาค จำนวน70 องค์ ขนาดความสูง 60 ซม. แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ดีทางศูนย์ยังได้รับมอบหมายในการจัดทำการแกะสลักพรหมพักตร์ยอดพระจิตกาธานที่ประดิษฐานพระโกศจันทน์

ทั้งนี้การพูดคุยกับนายริค่าสถิรสกุลพงศ์ ช่างแกะสลักจรหูพรหมพักตร์ เล่าถึงความรู้สึกว่านี่คือความภาคภูมิใจสูงสุดของชีวิต ซึ่งในทุกครั้งที่ได้ลงมือสลัก ตนได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย ทำให้การจัดสร้างในทุกชิ้นสะท้อนถึงความทุ่มเทและความตั้งใจจริงเพื่อถวายพระเกียรติยศสูงสุด แด่พระองค์ท่าน สอดรับกับมุมคิดของนายธรรมนูญ ซูซูกิ ช่างอาสาสมัครผู้เป็นส่วนหนึ่งของการัดทำปกคัมภีร์ พระปาติโมกข์ โดยช่างชาวไทยเชื้อสายญี่ปุ่นท่านนี้เผยถึงความรู้สึกว่า ตนได้น้อมนำ พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในการดำเนินงานโดยเฉพาะงานศิลปะที่ต้องใช้ความพอดีในการปรุงแต่ง

“ทุกกระบวนการต้องพิถีพิถันและอยู่บนพื้นฐานความพอดี”

สำหรับขั้นตอนการทำปกซึ่งอาจารย์สุดสาครเป็นผู้ออกแบบ เมื่อลวดลายที่งดงามเสร็จก็ทาบลายลงไปบนแบบที่ทำจากข่อยแล้วตบด้วยดินสอพองเมื่อได้ลายก็จะนำมาเขียนหรดาล ซึ่งในส่วนของหรดาลนั้นคือแร่นำมาบด ให้ละเอียด จากนั้นทำค่าของหรดาลให้ เป็นค่ากลาง โดยมีส่วนผสมจะมีฝักส้มป่อยนำมาต้มเอาแต่นํ้า อีกส่วนคือกาวกระถินนำมาผสมให้เข้ากัน โดยต้องให้เกิดความพอดี เพราะหรดาลไวต่อความชื้นและน้ำ เมื่อเขียนลวดลายด้วย หรดาลเรียบร้อยเราจะนำยางรักมาเช็ดและทาทั้งหมด จากนั้นก็ถอนออกมาเมื่อสะอาดและสวยงามแล้วก็นำมาปิดทองให้เต็มทั้งแผ่น พร้อมกันนี้ก็นำนํ้ามารด จากนั้นหรดาลก็จะหลุดออกโดยส่วนที่หลุดออกไปจะกลายเป็นสีทอง สำหรับปกคัมภีร์นั้นทำ ทั้งหมดจำนวน 40 ชุด เพื่อนำไปใช้ในการประกอบพิธีถวายพระเพลิงและพระเมรุมาศต่อไป

รองนายกรัฐมนตรี เผยต่ออีกว่าในส่วนของราวบันไดนาค เทพชุมนุมฐานไพทีนั่งราบเทพยดาท้องไม้กำหนด แล้วเสร็จและขนย้ายนำไปติดตั้งยังพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ในวันที่15 ก.ย.60 พร้อมกันนี้ในวันที่ 21 ก.ย. 60จะมีการจัดพิธีบวงสรวงราชรถและพระยานมาศที่ดำเนินการบูรณปฎิสังขรณ์ แล้วเสร็จเพื่อความเป็นสิริมงคลและเตรียมการสำหรับการซักซ้อมและอัญเชิญไปในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ในพระราชพิธีจริงต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560