เปิด 5 สิ่งก่อนหย่อนใบสมัครงานของคนเจน X Y Z 

13 ก.ย. 2560 | 13:26 น.
จ๊อบไทยดอทคอม เผยผลการสำรวจพฤติกรรมและความคิดเห็นของคน 3 เจนเนอเรชั่น ได้แก่ Gen X Gen Y และ Gen Z ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการหางาน สมัครงาน โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างจากทั่วประเทศกว่า 6,000 คน ในหัวข้อ “สิ่งที่ใช้พิจารณาองค์กรนอกเหนือจากเงินเดือน” พบว่ามี 5 สิ่งที่คนทำงานในยุคนี้ให้ความสำคัญ คือ 1) มีโอกาสก้าวหน้าในสายงาน คิดเป็น 30.44 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย 2) มีงบประมาณในการส่งเสริมศักยภาพของพนักงาน คิดเป็น 19.34 เปอร์เซ็นต์ 3) มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่น คิดเป็น 18.85 เปอร์เซ็นต์ 4) มีสวัสดิการพิเศษอื่นๆ เช่น ฟิตเนส อาหารกลางวัน รถบริการรับ-ส่งพนักงาน ฯลฯ คิดเป็น 16.84 เปอร์เซ็นต์ และ 5) มีสวัสดิการเงินออม คิดเป็น 14.22 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

[caption id="attachment_207721" align="aligncenter" width="503"] นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์[/caption]

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) เว็บไซต์หางาน สมัครงาน อันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันหลายองค์กรกำลังประสบปัญหากับการดึงดูดและรักษาพนักงานเก่งๆ ให้อยู่กับองค์กร เนื่องจากตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรนด์การทำงานอิสระกำลังได้รับความสนใจจากคนทำงานมากขึ้น การทำงานประจำที่ได้รับค่าตอบแทนสูงเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบของคนทำงานยุคนี้ ดังนั้น องค์กรต้องปรับตัวและวางแผนเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจถึงสิ่งที่คนทำงานยุคนี้ต้องการ เพราะพวกเขาพร้อมจะเปลี่ยนงานเสมอหากได้รับโอกาสที่ดีกว่า  เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนทำงานยุคใหม่ทั่วประเทศกว่า 6,000 คน ในหัวข้อ “สิ่งที่ใช้พิจารณาองค์กรนอกเหนือจากเงินเดือน” พบว่ามี 5 สิ่งที่คนทำงานในยุคนี้ให้ความสำคัญ คือ

· มีโอกาสก้าวหน้าในสายงาน คิดเป็น 30.44 เปอร์เซ็นต์ – คนทำงานทุกคนย่อมต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ดังนั้นองค์กรต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถเติบโตในสายอาชีพได้ ความก้าวหน้าอาจไม่ใช่แค่การเลื่อนตำแหน่งเพียงอย่างเดียว แต่การมอบหมายงานที่ท้าทายมากขึ้น หรือขยายขอบเขตความรับผิดชอบให้กว้างขึ้นก็สามารถสะท้อนให้พนักงานเห็นถึงโอกาสก้าวหน้าในงานที่ทำได้เช่นกัน

·มีงบประมาณในการส่งเสริมศักยภาพของพนักงาน คิดเป็น 19.34 เปอร์เซ็นต์ – เป็นการช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของพนักงานให้มีมากขึ้นและองค์กรก็จะสามารถเติบโตได้ตามไปด้วย ซึ่งนอกจากจะทำให้พนักงานรู้สึกอยากทำงานกับองค์กรแล้วยังช่วยให้พนักงานมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร เพราะสะท้อนให้เห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญกับพนักงาน

·มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่น คิดเป็น 18.85 เปอร์เซ็นต์ – ในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีความก้าวหน้า สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น ทำให้คนทำงานยุคนี้มองว่าการทำงานสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำงานในออฟฟิศ นอกจากนี้การให้เสรีภาพแก่พนักงานโดยไม่ต้องมีการบันทึกเวลาเข้า-ออก ก็จะทำให้พนักงานรู้สึกมีอิสระในการทำงาน ส่งผลให้พนักงานมีแรงจูงใจที่จะสร้างผลงานที่ดีให้แก่องค์กร

·มีสวัสดิการพิเศษอื่นๆ เช่น ฟิตเนส อาหารกลางวัน รถบริการรับ-ส่งพนักงาน ฯลฯ คิดเป็น 16.84 เปอร์เซ็นต์ – สวัสดิการเหล่านี้ถือเป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้พนักงานรู้สึกอยากทำงานอยู่กับองค์กรมากขึ้น การให้สวัสดิการที่ดีนอกจากจะเป็นการใส่ใจคุณภาพชีวิตพนักงานแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมั่นคงขององค์กรนั้นๆ อีกด้วย

·มีสวัสดิการเงินออม คิดเป็น 14.22 เปอร์เซ็นต์ – พนักงานจะรู้สึกได้ว่าองค์กรให้ความสำคัญและมองถึงความมั่นคงของพนักงานในอนาคต เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ ที่จะช่วยทำให้พนักงานมีเงินก้อนไว้สำหรับใช้ตอนเกษียณอายุ หรือเป็นหลักประกันทางการเงินให้แก่ครอบครัวได้

Pic_55477 นอกจากนี้ หากวิเคราะห์ข้อมูลแยกตามช่วงอายุ จะพบว่าคน Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทในโลกการทำงานมากขึ้น เป็นกลุ่มเดียวที่มองว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกทำงานกับองค์กรนั้นๆ เช่น การตกแต่งออฟฟิศให้ดูสวยงามทันสมัย มีกิจกรรมสันทนาการให้พนักงานทำในระหว่างช่วงเวลาพัก เป็นต้น

จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาสรุปได้ว่า ถึงแม้เงินจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนทำงานทุกคน แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้พนักงานมีความสุขกับการทำงาน การบริหารพนักงานในยุคนี้องค์กรต้องให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาสมดุลชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) ไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงานที่มีความสามารถเข้ามาทำงานอย่างมีความสุขและสามารถเพิ่มประสิทธิผลให้กับองค์กรต่อไปได้ e-book