ทาทาอัพเกรดปิกอัพ คลอด‘ซีนอน’โรงงานใหม่
ค่ายรถจากอินเดีย “ทาทา มอเตอร์ส” เผยแผนงานครึ่งปีหลัง เตรียมปรับโฉมในรอบ 10 ปีรุ่น “ซีนอน” จากไลน์ผลิตของโรงงานแห่งใหม่ พร้อมพัฒนาแอพพลิ เคชันหวังตอบโจทย์ลูกค้า
ค่ายทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เผยยอดขายตั้งแต่ เมษายน -กรกฎาคม 2560 (ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 )พบว่า ทาทา ซีนอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของงบประมาณปี 2559 ส่วน ทาทา ซูเปอร์เอซ ยอดขายเติบโต เพราะปีที่ผ่านมามีการปรับราคาทำให้ยอดขายลดลง แต่หลังจากเดือน กุมภาพันธ์ 2560 ได้กลับมาจำหน่ายในราคาเดิม ทำให้ยอดขายกลับมา โดยทำได้กว่า 173 คัน ขณะที่ตัวเลขในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาทำได้ 52 คัน
“ปีที่ผ่านมาเรามีการตั้งราคาทาทา ซูเปอร์เอซ 3.99 แสนบาท เพราะมีการปรับปรุง จากเดิมรองรับยูโร 3 เป็นยูโร 4 ซึ่งหลังการปรับราคาทำให้ลูกค้าหายไป จากเดิมขายได้หลักร้อย ลดเหลือหลักสิบ ดังนั้นจึงมีการพูดคุยกับบริษัทแม่เพื่อขอรับการสนับสนุนด้านราคา และทำให้กลับมาจำหน่ายได้ในราคาเดิมคือ 3.65 แสนบาท” นายสมิทธิ์ แสงไฟ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
นายสมิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานหลังจากนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมของโรงงานใหม่ ที่บางชัน โดยอยู่ในระหว่างการประกอบรถตัวอย่าง และคาดว่าภายในเดือนตุลาคมทุกอย่างจะพร้อม 100% สามารถประกอบเพื่อจำหน่ายได้ ซึ่งรถรุ่นที่จะประกอบออกมาคือ ทาทา ซีนอน ใหม่ ที่โครงสร้างจะแข็งแรงขึ้น มีการใช้แชสซีส์แบบไฮโดรฟอร์ม เกียร์อัตโนมัติ และพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พีเนียน พร้อมอัพเกรดอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มขึ้น
อีก 1 รุ่นที่จะขึ้นไลน์ประกอบในประเทศคือ ซูเปอร์ เอซ มินท์ โดยความคืบหน้าอยู่ในระหว่างการส่งให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น สมอ .หรือกรมการขนส่งทางบก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถทำตลาดได้ในช่วงต้นปีหน้า
“ทาทา ซีนอน เป็นโมเดลเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยนโฉม และเป็นรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ ทำให้ยอดขายในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้หวือหวา อย่างไรก็ดีเราพยายามที่จะพัฒนาโมเดลใหม่ออกมา แต่ต้องใช้เวลากันสักนิด เพราะถือเป็นการเปลี่ยนโมเดลในรอบ 10 ปี”
ส่วนแผนงานรถบรรทุก-หัวลาก ในช่วงปลายปีจะนำเข้ารุ่นใหม่ทาทา ไพรม่า แบบ 10 ล้อ และ 12 ล้อ มีกำลัง 280 แรงม้า และ 380 แรงม้าจาก อินเดียเข้ามาทำตลาด ส่วนทาทา อัลทรา จะมีการเติมรุ่นย่อย ด้าน ทาทา แดวู ในช่วงปลายปีนี้ยังไม่มีโมเดลใหม่ โดยรถในกลุ่มนี้จะเป็นการทำตลาดผ่านการนำเข้ามาจำหน่าย และไม่มีแผนงานที่จะขึ้นไลน์ประกอบในประเทศ
ขณะที่เครือข่ายตัวแทนจำหน่าย ปัจจุบันทาทา มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 45 แห่ง ส่วนรถบรรทุกมีจำนวน 16 แห่ง
นายสมิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาทายอมรับในแง่ราคาขายต่อ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆในตลาด ดังนั้นแผนงานตอนนี้ บริษัทกำลังมีการพัฒนาแอพพลิ เคชัน เพื่อให้พนักงานขายได้นำเสนอสินค้ากับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง เลือกประเภทรถในรูปแบบไหน ,แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเมทาแนนซ์ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่าย รวมไปถึงวิเคราะห์ไปถึงการขนส่งสินค้าต่างๆว่ากำไร ต้นทุนต่อเที่ยวเท่าไร โดยคาดว่าระบบนี้จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า
“เราเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ และเราอยากพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่ารถของเราหากนำไปใช้งานจะมีค่าใช้จ่าย-ต้นทุน -ความคุ้มทุน การรีเทิร์นกลับมา ลูกค้าซื้อไปใช้งานแล้วมีกำไร โดยพนักงานของเราจะต้องอธิบายเหตุและผล คำนวณตัวเลขต่างๆให้ลูกค้าได้เห็นง่ายๆหรือสรุปง่ายๆคือ การตอบคำถามลูกค้าให้ได้ว่า ซื้อรถเราแล้วได้อะไร”
โดยทาทาคาดว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำได้กว่า 2,000 คัน แบ่งออกเป็นการขายในประเทศ 1,500-1,600 คัน และส่งออก 500 คัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,296 วันที่ 14 - 16 กันยายน พ.ศ. 2560
ค่ายทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เผยยอดขายตั้งแต่ เมษายน -กรกฎาคม 2560 (ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 )พบว่า ทาทา ซีนอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของงบประมาณปี 2559 ส่วน ทาทา ซูเปอร์เอซ ยอดขายเติบโต เพราะปีที่ผ่านมามีการปรับราคาทำให้ยอดขายลดลง แต่หลังจากเดือน กุมภาพันธ์ 2560 ได้กลับมาจำหน่ายในราคาเดิม ทำให้ยอดขายกลับมา โดยทำได้กว่า 173 คัน ขณะที่ตัวเลขในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาทำได้ 52 คัน
“ปีที่ผ่านมาเรามีการตั้งราคาทาทา ซูเปอร์เอซ 3.99 แสนบาท เพราะมีการปรับปรุง จากเดิมรองรับยูโร 3 เป็นยูโร 4 ซึ่งหลังการปรับราคาทำให้ลูกค้าหายไป จากเดิมขายได้หลักร้อย ลดเหลือหลักสิบ ดังนั้นจึงมีการพูดคุยกับบริษัทแม่เพื่อขอรับการสนับสนุนด้านราคา และทำให้กลับมาจำหน่ายได้ในราคาเดิมคือ 3.65 แสนบาท” นายสมิทธิ์ แสงไฟ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
อีก 1 รุ่นที่จะขึ้นไลน์ประกอบในประเทศคือ ซูเปอร์ เอซ มินท์ โดยความคืบหน้าอยู่ในระหว่างการส่งให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น สมอ .หรือกรมการขนส่งทางบก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถทำตลาดได้ในช่วงต้นปีหน้า
“ทาทา ซีนอน เป็นโมเดลเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยนโฉม และเป็นรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ ทำให้ยอดขายในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้หวือหวา อย่างไรก็ดีเราพยายามที่จะพัฒนาโมเดลใหม่ออกมา แต่ต้องใช้เวลากันสักนิด เพราะถือเป็นการเปลี่ยนโมเดลในรอบ 10 ปี”
ส่วนแผนงานรถบรรทุก-หัวลาก ในช่วงปลายปีจะนำเข้ารุ่นใหม่ทาทา ไพรม่า แบบ 10 ล้อ และ 12 ล้อ มีกำลัง 280 แรงม้า และ 380 แรงม้าจาก อินเดียเข้ามาทำตลาด ส่วนทาทา อัลทรา จะมีการเติมรุ่นย่อย ด้าน ทาทา แดวู ในช่วงปลายปีนี้ยังไม่มีโมเดลใหม่ โดยรถในกลุ่มนี้จะเป็นการทำตลาดผ่านการนำเข้ามาจำหน่าย และไม่มีแผนงานที่จะขึ้นไลน์ประกอบในประเทศ
นายสมิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาทายอมรับในแง่ราคาขายต่อ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆในตลาด ดังนั้นแผนงานตอนนี้ บริษัทกำลังมีการพัฒนาแอพพลิ เคชัน เพื่อให้พนักงานขายได้นำเสนอสินค้ากับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง เลือกประเภทรถในรูปแบบไหน ,แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเมทาแนนซ์ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่าย รวมไปถึงวิเคราะห์ไปถึงการขนส่งสินค้าต่างๆว่ากำไร ต้นทุนต่อเที่ยวเท่าไร โดยคาดว่าระบบนี้จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า
“เราเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ และเราอยากพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่ารถของเราหากนำไปใช้งานจะมีค่าใช้จ่าย-ต้นทุน -ความคุ้มทุน การรีเทิร์นกลับมา ลูกค้าซื้อไปใช้งานแล้วมีกำไร โดยพนักงานของเราจะต้องอธิบายเหตุและผล คำนวณตัวเลขต่างๆให้ลูกค้าได้เห็นง่ายๆหรือสรุปง่ายๆคือ การตอบคำถามลูกค้าให้ได้ว่า ซื้อรถเราแล้วได้อะไร”
โดยทาทาคาดว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำได้กว่า 2,000 คัน แบ่งออกเป็นการขายในประเทศ 1,500-1,600 คัน และส่งออก 500 คัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,296 วันที่ 14 - 16 กันยายน พ.ศ. 2560
