ทางออกนอกตำรา : ควานหา“ผู้ซื้อสุจริต” ที่ดินบาปอัลไพน์

ทางออกนอกตำรา

โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

ควานหา“ผู้ซื้อสุจริต” ที่ดินบาปอัลไพน์



มหากาพย์ที่ดินธรณีสงฆ์ที่ถูกแปรสภาพมาเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ อดีต รมว.มหาดไทย ในสมัยดำรงตำแหน่งรองปลัดมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดมหาดไทย เมื่อปี 2544 ใช้อำนาจยกเลิกคำสั่งกรมที่ดิน เพิกถอนคำสั่งการจดทะเบียนโอนมรดก และโอนสิทธิขายธรณีสงฆ์ของที่ดินของวัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ปทุมธานี จำนวน 732 ไร่ แต่ปัญหาที่ดินบาปยังไม่จบง่ายๆ

เมื่อ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยเดินหน้าตั้งเรื่อง และยืมมือสำนักพระพุทธศาสนา เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดธรรมิการามฯ ให้แก่ มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกของ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบ

ร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฉบับนี้ มี 5 มาตรา เนื้อหาสำคัญคือ 1.ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามฯ ที่ตั้งอยู่ในโฉนดที่ดิน 2 ฉบับ โฉนดฉบับแรก มีเนื้อที่ 730 ไร่ โฉนดฉบับที่สอง มีเนื้อที่ 194 ไร่ รวม 924 ไร่ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏฯ โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2533



2.ให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและการดำเนินการใดตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินเกี่ยวกับโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งได้กระทำลงภายหลังจากที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าว จนถึงวันที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย

หากกฎหมายนี้ผ่าน สนช.จะส่งผลรับรองให้การจดทะเบียนโอนขายที่ดินที่นางเนื่องยกให้วัดธรรมิการามฯ  924 ไร่ และต่อมาทางมูลนิธิฯ ขายให้บริษัทเอกชน 2 ราย รวมทั้งการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินและการจัดสรรที่ดินใด ๆ ที่ได้ทำลงเกี่ยวกับโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย

ใครจะว่าอย่างไรผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่านี่เป็นการยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่ดินอัลไพน์ และเป็นการฟอกการกระทำที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย

และถ้ายกร่างกฎหมายโดยให้วัดโอนที่ดินให้กับมูลนิธิมหามกุฏฯ สิ่งที่ตามมาคือ ที่ดินที่มูลนิธิฯ ขายและโอนไปแล้วจะกลายเป็นความชอบ คนที่สมคบกันโกงที่วัดที่เอกชนบริจาคไปตามเจตนาก็ไม่ผิดนะซิครับ

แม้นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน จะชี้แจง ว่าการแก้ปัญหาที่ดินอัลไพน์ไม่มีทางอื่น นอกจากตราเป็น พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์

แต่ผมเชื่อของผมว่า การแก้ไขปัญหาที่ดินอัลไพน์ยังมีทางออกอื่นอีก ขืนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปบ้าตามข้าราชการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ดินสงฆ์แบบนี้ ประเทศไทยพังแน่ๆ เพราะต่อไปคนที่ไปซื้อบ้าน ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะเชื่อในนิติบุคคลที่จัดสรรที่ดินขายและเชื่อในเอกสารโฉนดปลอมหรือเอกสารสิทธิ์ที่กรมที่ดินออกให้ ก็ต้องนิรโทษกรรมให้คนเหล่านั้นใช่หรือไม่

ถ้าเป็นแบบนี้ มาเลยพี่น้องไทยเรามา เลียนแบบที่ดินอัลไพน์กันให้หมด ซื้อโดยสุจริต ต้องนิรโทษกรรม

การที่อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณออกมาว่า ได้มอบให้กระทรวงมหาดไทย สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรมการศาสนา ไปพิจารณาปมปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ โดยข้อมูลเบื้องต้น นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา มอบที่ดินให้วัด จากนั้นได้มีการขายต่อและแบ่งแยกเป็นแปลงไปกว่า 600 แปลง ผู้ซื้อไปกู้สินเชื่อธนาคารเป็นหนี้ เป็นสิน ซึ่งถือเป็นการซื้อขายสุจริต จึงต้องมาดูว่าจะช่วยเหลือคนสุจริตเหล่านี้อย่างไร

ส่วนคนผิดจะต้องรับผิดไม่มีการนิรโทษกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ผมถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่ผิดปกติอย่างยิ่ง

ปัญหาใหญ่ของรัฐบาลอยู่ตรงหลักคิดว่า “ซื้อโดยสุจริต”นี่แหละครับ แต่แยกไม่ออกว่า “ใครบ้างสุจริต”

ที่ดินอัลไพน์กว่า 924 ไร่ มีการทำนิติกรรมที่เป็นขบวนการโอนให้มูลนิธิฯ ปุ๊บ ขายออกไปให้กับคน 2 กลุ่ม ทั้งส่วนที่เป็นสนามกอล์ฟ และส่วนที่ดินซึ่งถูกแบ่งขาย มีเครือข่ายนักการเมืองหลายรายเข้าถือครองที่ดินทั้งสิ้น ถามว่า 2 กลุ่มนี้ซื้อโดยสุจริตหรือไม่...



เอาเพาะที่ดินส่วนสนามกอล์ฟ เดิมมีพื้นที่ 732 ไร่ เป็นสนามกอล์ฟ 428 ไร่ ที่ซื้อขายกันในนาม บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์คลับ และปัจจุบันมีการแบ่งขายที่ดินในสนามกอล์ฟ เช่น คลับเฮาส์ ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดย บริษัท ไอคอนเซป โดยได้มีการแบ่งขายที่ดินรายแปลงให้บุคคล 218 แปลง มีรายชื่อเครือญาตินักการเมืองถือครองโฉนดหลายราย เช่น นายสรวงศ์ เทียนทอง ลูกชาย นายเสนาะ เทียนทอง ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติฟ้อง ในได้ที่ดินอัลไพน์มาโดยมิชอบ แต่คดีหมดอายุความ

นางพรรณี รักตพงศ์ไพศาล นางสาวศรีวรรณ รักตพงศ์ไพศาล น้องสาวนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นักการเมืองที่มีความสนิทสนมกับ นายทักษิณ ชินวัตร และเป็นผู้ถือหุ้นในที่ดินแปลงนี้มาตั้งแต่ต้นร่วมกับ นายวิทยา เทียนทอง น้องชายนายเสนาะ

นายคฤกพล ยงใจยุทธ ลูกชาย และเป็นที่ปรึกษาของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ บริษัท ราชธานีบ้านและที่ดิน จำกัด ที่มีนายจอน วนาสิน บุตรชาย นพ.บุญ วนาสิน ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ราชธานีฯ

ส่วนพื้นที่โครงการบ้านราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียงอีก 194 ไร่ มีบริษัทราชธานี ของนพ.บุญ วนาสิน เป็นผู้ขอจัดสรรที่ดิน เพื่อทำบ้านจัดสรรและแบ่งขาย และที่ดินบางส่วนยังไม่มีการพัฒนา เป็นของ บริษัท ซีทีเอฟ

ในส่วนสนามสนามกอล์ฟที่เป็นของบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ เดิมคุณทักษิณ ชินวัตร ได้โอนขายหุ้นให้นางกาญจนาภา หงษ์เหิน 10 หุ้น นายชัยวัฒน์ เชียงพฤกษ์ กับนางสาวบุญชู เหรียญประดับ คนละ 24,899,987 หุ้น นายวิชัย ช่างเหล็ก 24,988,986 หุ้น ซึ่งเป็นคนงาน คนขับรถในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนี่เป็นต้นตอของคดีซุกหุ้น

ต่อมาทั้งหมดได้โอนหุ้นให้กับ นายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นคนละ 22,410,000 หุ้น หรือคนละ 30% ขณะที่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงค์ ถือ 7,470,000 หุ้น หรือ 10%

งบการเงินรอบปี 2559 บริษัทมีรายได้ 281 ล้านบาท มีกำไร 13-16 ล้านบาท

สังคมกำลังรอดูว่า รัฐบาลจะมีการนิโทษกรรมให้กับคนสุจริต เหล่านี้กันอย่างไร....

ถ้าหาทางออกเรื่องนี้ไม่เจอ ฉบับหน้าผมจะพาไปดูคำวินิจฉัยของกฤษฎีกา....ที่น่าจะทำให้เห็นทางออกได้

 

คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา/ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3295 ระหว่างวันที่ 10-13 ก.ย.2560 โดย...บากบั่น บุญเลิศ