กรมที่ดินแจงให้เอกชนใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐแปลง“ห้วยเม็ก”

10 ก.ย. 2560 | 07:25 น.
กรมที่ดินชี้แจงกรณีการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ แปลง “ห้วยเม็กสาธารณประโยชน์”  อ. อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น สามารถทำได้ ประมวลกฏหมายที่ดินเปิดช่องหากยื่นขออนุญาตและผ่านการทำประชาคมในพื้นที่ ด้าน"ศรีสุวรรณ"จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ

[caption id="attachment_206314" align="aligncenter" width="503"] นายประทีป กีรติเรขา นายประทีป กีรติเรขา[/caption]

นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดินชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ แปลง “ห้วยเม็กสาธารณประโยชน์” ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่  ขก 2321 สรุปได้ว่า

1. กระบวนการอนุญาต ให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐต้องปฏิบัติตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2543 ซึ่งผู้ขออนุญาตจะเป็นได้ทั้ง บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐ โดยกระบวนการจะเริ่มจากผู้ขอได้ยื่นคำขอต่อจังหวัดโดย มีขั้นตอนโดยสรุป ดังนี้

1.1 ต้องจัดทำประชาคมกับราษฎรในพื้นที่  1.2 ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น  1.3 ประกาศหาผู้คัดค้านมีกำหนด 30 วัน  1.4 สอบถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องประมาณ 14 หน่วยงาน เมื่อไม่มีข้อขัดข้องประการใดก็จะนำเรื่องราวการขออนุญาตดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวขออนุญาตประกอบกิจการตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประจำจังหวัด เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะส่งให้กรมที่ดินเพื่อตรวจสอบและพิจารณานำเสนอกระทรวงมหาดไทยเมื่อระทรวงมหาดไทยอนุมัติ จึงจะส่งให้จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาออกใบอนุญาตโดยใบอนุญาตดังกล่าวมีกำหนดคราวละ 5 ปี และมีเงื่อนไขโดยสรุปว่าผู้ได้รับอนุญาตต้องประกอบกิจการด้วยตนเองต้องไม่กระทำให้พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตและบริเวณที่ติดต่อให้เสียสภาพเกินสมควร ก่อนที่จะสิ้นสุดใบอนุญาตต้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่และสภาพแวดล้อมในบริเวณที่ขออนุญาตให้มีลักษณะใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบและหากมีความเสียหายเกิดขึ้น เนื่องจากการดำเนินการของผู้ได้รับอนุญาตจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้นโดยไม่ตัดสิทธิ์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งการอนุญาตดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายครบถ้วนถูกต้องตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินประกอบระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2543 และที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีการอนุญาตให้เอกชนดำเนินการในลักษณะนี้มาแล้ว

2. กรณีตามที่ตกเป็นข่าวกรณี บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ยื่นขออนุญาต ประกอบกิจการในที่ดิน แปลง “ห้วยเม็กสาธารณประโยชน์” ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ ขก 2321 ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 ต. บ้านดง  อ. อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น เนื้อที่ประมาณ 31-2-63 ไร่ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นที่เก็บกักน้ำสำหรับประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตน้ำดื่มและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นลักษณะแหล่งน้ำ ตามวัตถุประสงค์เดิมของที่สาธารณประโยชน์ด้วยนั้น

จังหวัดขอนแก่นรายงานข้อเท็จจริงว่าได้ปฏิบัติตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2543 ครบถ้วนแล้ว ดังนี้

2.1 สภาพที่ดินแห้งแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ปัจจุบันราษฎร ไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันแล้ว ไม่มีทรัพยากรอันมีค่าในที่ดิน  2.2 องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดงและชาวบ้านหมู่ที่ 5, 6 ได้มีการประชุมสมาชิกและชาวบ้าน ลงมติเห็นชอบให้บริษัท เข้าใช้ประโยชน์ ในที่ดินสาธารณะห้วยเม็กได้ โดยไม่มีการคัดค้านแต่อย่างใด  2.3 คณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวขออนุญาตประกอบกิจการตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประจำจังหวัดขอนแก่น ได้ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้ บริษัท ประกอบกิจการในที่ดินของรัฐเพื่อใช้เป็นที่กักเก็บน้ำ  2.4 บริษัทได้ชำระค่าตอบแทนตามมาตรา 9/1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ในอัตราตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายที่ดินให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง  2.5 ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้มอบหมายให้อำเภออุบลรัตน์ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง ในฐานะผู้ดูแลรักษาที่ดินสาธารณประโยชน์ควบคุมดูแลให้ บริษัทฯ ปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการอนุญาต และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเคร่งครัดแล้ว หากมีการผิดเงื่อนไขให้รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อเพิกถอนใบอนุญาตก่อนครบกำหนด 5 ปี ต่อไป

อธิบดีกรมที่ดินชี้แจงต่อไปว่ากรณีที่กล่าวอ้างว่าที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงที่อนุญาตให้ บริษัทฯ ใช้ประโยชน์ ได้ขึ้นทะเบียนป่าชุมชนในชื่อ “ป่าชุมชนโคกป่าช้าสาธารณะประโยชน์ บ้านหนองแต้” มีสภาพเป็นป่ามีความหนาแน่น 70 % นั้น จากการตรวจสอบจากข้อมูลสารสนเทศ กรมป่าไม้แล้วปรากฏว่า ป่าชุมชนแปลงดังกล่าว เป็นแปลง “ป่าช้าสาธารณประโยชน์” ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ 433 ตั้งอยู่ หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ 65 ไร่ 1 งาน 8 ตารางวา ซึ่งไม่ใช่ “ห้วยเม็กสาธารณประโยชน์”ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ ขก 2321 ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6  ต.บ้านดง  อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เนื้อที่ประมาณ 31-2-63 ไร่ แปลงที่ได้รับอนุญาต โดยที่ดินทั้ง 2 แปลง มีระยะห่างกันประมาณ 3.5 กิโลเมตร ประกอบกับ บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้แผ้วถางป่าจากกรมป่าไม้แล้ว การอนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ สามารถดำเนินการอนุญาตได้ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นการอนุญาตตามปกติ ตามที่กล่าวอ้างว่า มีราษฎรคัดค้าน นั้น จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ปรากฏว่า มีหลักฐานการจัดทำประชาคม ได้แก่ บัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมประชาคมและภาพถ่าย นอกจากนั้น มีหนังสือยืนยันจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดงและอำเภอปทุมรัตน์ครบถ้วน และยังได้มีการประกาศหาผู้คัดค้าน 30 วัน ไม่ปรากฏว่ามีราษฎรคัดค้าน แต่อย่างใด

ปัจจุบัน จังหวัดขอนแก่นได้ออกใบอนุญาตตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เลขที่ 3/2559 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 มีกำหนดเวลา 5 ปี โดยมีเงื่อนไข โดยสรุปว่า ผู้ได้รับอนุญาตต้องประกอบกิจการด้วยตนเองต้องไม่กระทำให้พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตและบริเวณที่ติดต่อให้เสียสภาพเกินสมควร ก่อนที่จะสิ้นสุดใบอนุญาตต้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่และสภาพแวดล้อมในบริเวณที่ขออนุญาตให้มีลักษณะใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบและหากมีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการดำเนินการของผู้ได้รับอนุญาตจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้นโดยไม่ตัดสิทธิ์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะเพิกถอนใบอนุญาต และจังหวัดขอนแก่นมีหนังสือที่ ขก 0020.4/18644 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2560 แจ้งให้อำเภออุบลรัตน์ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดงในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินสาธารณประโยชน์ ควบคุมดูแลให้บริษัทฯปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการอนุญาตและระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเคร่งครัด  ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่น จะได้ประสานเร่งรัดอำเภออุบลรัตน์เกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป หากเป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต จะได้ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต ก่อนครบกำหนด 5 ปี ต่อไป

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เผยว่า  ในวันที่ 11 กันยายน 2560 เวลา 10.30 น. สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบกรณีข่าว รมว.กระทรวงมหาดไทย ได้ใช้อำนาจในการอนุมัติให้บริษัทซึ่งเป็นทายาทของกระทิงแดง ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะประโยชน์ป่าชุมชนบ้านโคกห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น