ไขข้อข้องใจ! “ภาษีน้ำหวาน”

09 ก.ย. 2560 | 09:45 น.
เวทีสัมมนา “ภาษีสรรพสามิตใหม่ ใครได้ ใครเสีย” เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2560 ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนมาก ที่ต้องการรับทราบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติ การลงบัญชี การบันทึกภาษี โดยเฉพาะช่วงรอยต่อระหว่างภาษีเก่าและภาษีใหม่ ที่กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย. นี้

จนถึงวันนี้ อัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริงก็ยังไม่ได้ประกาศออกมา ทำให้ผู้ประกอบการมีความกังวลในหลายประเด็น เนื่องจากโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่เปลี่ยนฐานการจัดเก็บภาษี จากเดิมเก็บจากราคาหน้าโรงงาน สำหรับผู้ประกอบการในประเทศ หรือ ราคานำเข้าสำหรับสินค้านำเข้ามา เป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งภาษีถือเป็น 1 ในต้นทุนที่ต้องนำไปคำนวนราคาขายปลีก เมื่อไม่ทราบอัตรา ทำให้ไม่สามารถกำหนดราคาขายปลีกแนะนำที่เป็นฐานในการเสียภาษีได้

นอกจากนี้ โครงสร้างใหม่ยังมีการจัดเก็บภาษีจากปริมาณความหวานในเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณสูง ทำให้เครื่องดื่มบางชนิดไม่ต้องเสียภาษี อย่าง “ชา กาแฟ” หรือที่เคยได้รับการยกเว้นภาษี “น้ำผักและผลไม้” จะถูกรวมมาเสียภาษีในครั้งนี้ด้วย โดยในเวทีถามตอบ ผู้เข้าสัมมนาตั้งคำถามเรื่องภาษีน้ำหวานจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการยังกังวลถึงอัตราภาษีที่จะเสียเพิ่มเข้ามา และยังไม่เข้าใจว่า ระดับน้ำตาลวัดจากอะไร และน้ำตาลที่เกิดจากธรรมชาติที่ถูกรวมเข้าไปจะเสียภาษีในครั้งนี้ด้วยหรือไม่

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า “ความหวานที่จะเสียภาษี” จะวัดจากระดับแคลอรีที่เกิดจากน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลที่เติมเข้าไปหรือความหวานจากธรรมชาติ โดยยึดจากใบโภชนาการที่ผ่านการพิจารณาจาก อย. เป็นหลัก ดังนั้น เครื่องดื่มที่ยังไม่ผ่าน อย. ก็ต้องผ่าน อย. ด้วย

นายณัฐกร กล่าวอีกว่า ในหลักการของภาษีความหวานนั้น จะเสนออัตราจัดเก็บไว้ที่ 20-30% ของราคาขายปลีกแนะนำ แต่ต้องการให้ผู้บริโภคมีระยะเวลาปรับตัว 2 ปี ดังนั้น จากนี้ไปภาระภาษีจะใกล้เคียงของเดิม โดยอัตราภาษีจะเพิ่มหลังวันที่ 1 ต.ค. 2562 คือ ช่วงแรกจะมีอัตราพิเศษให้ เช่น น้ำผลไม้ 300 ซีซี เสียภาษี 30 สตางค์ อย่างราคาขาย 20 บาท/ขวด จะมีภาระไม่เกิน 1 บาทเท่านั้น รวมทั้งชาและกาแฟที่มีส่วนผสมกาแฟอีน จะมีภาระเพิ่ม 1.50 บาท/ขวด เครื่องดื่มที่ไม่ให้พลังงาน ประเภทน้ำตาล 0% จะเสียภาษีต่ำลง จากที่เคยเสีย 20% ตามมูลค่า แต่อัตราใหม่เสียเพียง 17% หรือลดอัตราลงจาก 20% เมื่อบวกค่าความหวาน 0% ทำให้ภาระภาษีลดลง

 


 

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว