บจ.บินโรดโชว์ฮ่องกง-ยุโรป นักลงทุนทั่วโลก4พันคนร่วมงานช้างCLSA

PTTEP-TOP-IVL-CPF-TUF ติดอันดับโลก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์อย่างต่อเนื่อง “อาลก โลเฮีย” ยิ้มแป้น เข้าวินครั้งแรก ส่วนไทยออยล์คว้าที่ 1 จากทั้งหมด 182 บริษัทในอุตสาหกรรมพลังงาน

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) หรือ CLSA เปิดเผยว่า ในวันที่ 11-15 กันยายนนี้ CLSA จัดงานสัมมนาประจำปี เป็นเวทีที่มีนักลงทุนทั่วโลกเข้าร่วมงานประมาณ 4,000 คน และมีบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกมาร่วมงาน ในส่วนของไทย มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่ 10 แห่ง และบริษัทลูก 2 แห่งร่วมโรดโชว์ด้วย คือบริษัท ทางด่วนและรถ ไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในกลุ่ม บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ของบริษัทดับบลิว เอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหา ชน) หรือ WHA

[caption id="attachment_206059" align="aligncenter" width="480"] ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) หรือ CLSA[/caption]

“เราเลือกบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปใหญ่ ทุกบริษัทมีสตอรี่ ซึ่งลูกค้าของ CLSA เคยลงทุนในหุ้นเหล่านี้มาแล้ว แต่ก็มีที่ยังไม่เคย เพราะเพิ่งเข้ามาจดทะเบียน เช่น WHAUP แต่ก็ยอม รับว่าหุ้นที่เราชอบมานานแต่ราคายังไม่ขึ้น อาทิ WHA เพราะผลงานพลาดเป้า จากคาดว่าจะขายที่ดินได้ 1,100 ล้านบาท กลับขายได้ 800 ล้านบาท ขณะนี้มีสตอรี บริษัทมีที่ดินมูลค่าสูงบริเวณโครงการระเบียงเขตเศรษฐ กิจภาคตะวันออก หรือ EEC แต่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่จะบูมคาดในช่วง 3-5 ปี ซึ่งนักลงทุนรอได้” นายปริญญ์ กล่าว

นอกจากนั้น ผู้บริหาร WHA และ WHAUP โรดโชว์ที่ฮ่องกงเสร็จก็จะไปต่อที่ยุโรป ส่วน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จะไปยุโรปในเดือนกันยายน สำหรับบริษัท CK และ BEM จะไปประมาณเดือนตุลาคมนี้

สำหรับจุดขายของประ เทศไทย ขณะนี้ภาพเศรษฐกิจและการลงทุนเริ่มมีความชัดเจน ที่ผ่านมานักลงทุนอาจจะไม่เชื่อว่าจะทำจริงและเร็วแค่ไหน ปัจจุบันเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเงินลงทุนโดยตรง (FDI) จะเพิ่มขึ้นหลังรัฐเร่งรัดการลงทุน เห็นได้จากการประมูลงานรถไฟรางคู่ 5 สาย รวม 9 สัญญา รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศสนใจลงทุนใน EEC

ในส่วนบริษัทที่ร่วมโรดโชว์ที่ฮ่องกง ประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, CK ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, BEM, WHA และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, WHAUP, บริษัท แอด วานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU

ขณะเดียวกันบริษัทของไทยก็ยังได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI)อย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ.หรือ PTTEP ติดระดับโลกในกลุ่มธุรกิจนํ้ามันและก๊าซ ประเภทธุรกิจขั้นต้นและธุรกิจครบวงจรประจำปี 2560 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้รับเลือก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ได้รับเลือก ในตลาดเกิดใหม่ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทั่วโลก โดยเฉพาะบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์สฯ (IVL) ได้รับเลือกเป็นครั้งแรกในตลาดเกิดใหม่ กลุ่มเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก สร้าง สรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีเพื่อสังคม การติด 1 ใน 5 บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกถือเป็นก้าวที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาห กรรมและการพัฒนาของบริษัท บนเส้นทางความยั่งยืนระดับโลก

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าวว่า ไทยออยล์ เป็นบริษัทไทยรายแรกและรายเดียวของประเทศที่ได้รับการประเมินสูงสุด จากการเปรียบเทียบกับบริษัทพลังงานจำนวน 182 แห่งทั่วโลกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมการประเมินในปี 2560

“ในสภาวะการแข่งขันที่เข้มข้นและราคานํ้ามันผันผวน บริษัทยังคงสามารถรักษามาตรฐานความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวด ล้อมในระดับสูงได้ เพื่อความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน” นายอธิคมกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560