บลจ.กสิกรฯคงเป้า1,650จุดปีนี้ เฟ้นหุ้นราคาถูก-ได้ผลดีศก.ฟื้น

08 ก.ย. 2560 | 10:30 น.
บลจ.กสิกรไทย คงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ 1,650 จุด เปิดกลยุทธ์คัดเลือกหุ้นรายตัวแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง ได้ผลดีจากเศรษฐกิจฟื้นตัวและราคาไม่แพง พร้อมคืนกำไรผู้ลงทุน ปันผล LTF 4 กองทุน พ่วงกองทุน K-PROP รวมกว่า 1,900 ล้านบาท รอรับ 14 ก.ย.นี้

[caption id="attachment_205877" align="aligncenter" width="503"] น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต[/caption]

รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 - 31 สิงหาคม 2560 ประกอบด้วยกองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) ปันผลในอัตรา 0.45 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ในอัตรา 0.63 บาทต่อหน่วย, กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) ในอัตรา 0.49 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) ในอัตรา 0.47 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ยังเตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 - 31 สิงหาคม 2560 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 5 กองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 กันยายน 2560 รวมมูลค่าเงินปันผล 1,912.14 ล้านบาท

“สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.ย. 59 – 31 ส.ค. 60) กองทุน LTF สามารถจ่ายเงินปันผลได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่กองทุนถืออยู่ โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยที่ 6.37% - 7.32% ต่อปี สำหรับกองทุน KDLTF, KGLTF และ K20SLTF ส่วนกองทุน K70LTF ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.07% ต่อปี (ที่มา Bloomberg: ณ วันที่ 31 ส.ค. 60) ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ของกองทุน K70LTF, KDLTF, KGLTF และ K20SLTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.69%, 6.43%, 2.49% และ 4.56% ตามลำดับ ส่วนกองทุน K-PROP มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 6.24% ต่อปี และมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 5.28% (ข้อมูล ณ วันที่ 31ส.ค. 60)” น.ส.ธิดาศิริ กล่าว

สำหรับมุมมองการลงทุนและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องด้วยแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการเริ่มฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ส่วนตลาดหุ้นไทยเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น จากปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ตัวเลข GDP ที่ออกมาแข็งแกร่งและความคลายกังวลทางการเมือง

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01 ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศที่ต้องติดตาม คือ ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนในระยะสั้น นอกจากนี้แม้ว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนลงบ้าง หลังประกาศผลประกอบการในไตรมาส2/2560 แต่อัตรากำไรสุทธิของ SET Index น่าจะยังสามารถยืนเหนือระดับ 100 จุด ได้

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปีอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทจะเน้นที่การคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มด้านผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2560 และหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงพิจารณาหุ้นที่มี Valuation หรือราคาที่ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

น.ส.ธิดาศิริ กล่าวว่า ด้านกองทุน K-PROP นั้นบริษัทยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ทั้งในประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ โดยกองทุนยังเน้นการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯ ประเภทค้าปลีกและอาคารสำนักงานที่มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในประเทศไทย ส่วนในประเทศสิงคโปร์จะเน้นลงทุนในกอง REIT ที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากสภาพเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่พื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยังน่าดึงดูดกว่าตลาดในภาพรวม อย่างไรก็ตามในระยะสั้นอาจมีปัจจัยเสี่ยงบ้าง หากแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว