‘THE’ดันเหล็กโต1ล้านตัน มั่นใจราคาพุ่งต่อเนื่องรับฐานลูกค้าใหม่รัฐ-เอกชนในอีอีซี

11 ก.ย. 2560 | 06:36 น.
“THE” ดันกำลังผลิตโต 1 ล้านตัน ปี 2561 เด้งรับฐานลูกค้าใหม่ จากโครงการลงทุนภาครัฐ และเอกชน ที่ปักฐานผลิตในอีอีซี โค้งสุดท้ายปีนี้มั่นใจราคาเหล็กพุ่งต่อเนื่อง ทำยอดขายสูงกว่าปีที่ผ่านมา

นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ THE เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการดำเนินธุรกิจในขณะนี้ว่า เป็นผู้ผลิตเหล็กในขั้นปลายนํ้า และเป็นลูกค้าของสหวิริยาสตีลอินดัสตรี หรือSSI ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกลางนํ้า เพื่อนำเหล็กรีดร้อนจาก SSI มาแปรรูปทำเหล็กตัวแอล ตัวซี ทำเป็นท่อเหล็ก เดิมทีTHE เป็นผู้นำเข้าเหล็กม้วน และซื้อในประเทศจำนวนน้อย ในช่วง 1 ปีเศษจึงมีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเหล็กกลางนํ้าขึ้นมาเอง ในนามบริษัท ไพรม์ สตีล มิลล์ เป็นผู้ผลิตคล้ายๆ กับ จีสตีลและ SSI เป็นโรงงานผลิตเหล็กม้วนดำหน้าแคบ เพื่อนำไปทำท่อเหล็ก เหล็กตัวซี ตัวแอล มีความสามารถในการผลิต 6 แสนตันต่อปี

[caption id="attachment_205843" align="aligncenter" width="335"] บุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ THE บุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ THE[/caption]

“THEจะถือหุ้นใหญ่ในไพรม์ สตีล สัดส่วน 50% และบริษัท เอเชียเมทัลฯ ถือหุ้น 30% และ 20% ถือหุ้นโดยตัวบุคคล มีกำลังผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 3 แสนตันต่อปี ในจำนวนนี้ THE เป็นลูกค้า ซื้อในสัดส่วน 1.5 แสนตันต่อปี และเอเชียเมทัลซื้อ 1.5 แสนตันต่อปี ล่าสุดไพรม์ สตีลฯ อยู่ระหว่างศึกษาแผนเพิ่มทุนเพื่อเตรียมตัวเข้าตลาดฯ”

โครงสร้างของเดอะ สตีล จะเน้นการซื้อมาขายไปมากกว่า โดยนำเข้าเหล็กเกือบทุกชนิดจากต่างประเทศและซื้อในประเทศไปขาย ตอนหลังจะนำเข้าลดลงเพราะมีกำแพงภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี) โดยสัดส่วนรายได้ 70% จะมาจากซื้อมาขายไป และ 30% จะมาจากการแปรรูป (ผลิตท่อ เหล็กตัวซี แปรรูปเหล็กแผ่น)มีความสามารถของเครื่องจักรได้ถึง 4 แสนตันต่อปี ปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 2-3 แสนตันต่อปี

“70% จะเป็นรายได้ที่มาจากการซื้อมาขายไปเหล็กเกือบทุกชนิดเริ่มตั้งแต่เหล็กม้วนที่ซื้อมาจากสหวิริยา จีสตีล ทั้งใช้เองและขายด้วย เหล็กเส้นเราไม่มีโรงงานของเราเองก็ซื้อมารับบริการตัดเหล็ก มีนำเข้าบิลเล็ต มาขายให้โรงงานผลิตเหล็กเส้น และเราก็รับเหล็กเส้นกลับมาขายต่ออีกที”

ทั้งนี้เมื่อปี2559 มีปริมาณเหล็กที่ซื้อมาขายไปและที่แปรรูปรวมจำนวนกว่า 9 แสนตันต่อปี ปี 2560 ตั้งเป้าขยายตัวถึง 1 ล้านตัน โดยเรามีลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ 2,000 ราย รวมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และผู้ใช้งานโดยตรง ผู้รับเหมาทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน

สำหรับปี 2561 คาดว่าจะมีฐานลูกค้ามากขึ้นโดยเฉพาะโครงการลงทุนจากภาครัฐเช่นโครงการรถไฟรางคู่ เราสามารถป้อนเหล็กให้กับงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสถานีต่างๆได้รวมถึงเกิดการลงทุนใหม่จากต่างชาติ ทำให้มีฐานลูกค้าใหม่ ที่เข้ามาก่อสร้างโรงงานใหม่ในพื้นที่อีอีซี ตรงนี้เมื่อผู้รับเหมาประมูลงานได้ก็จะมาซื้อเหล็กจากเราซึ่งโรงงานเหล่านี้ส่วน ใหญ่จะใช้เหล็กแบบที่THEขายอยู่

ส่วนสถานการณ์ราคาเหล็กนับจากนี้ไป จะดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่จีนปิดโรงงาน ทำให้ซัพพลายหายไปเป็น 100 ล้านตัน ทำให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาเหล็กสูงขึ้นมาแล้ว 20% ในเหล็กทุกชนิดไล่มาตั้งแต่เศษเหล็ก สแลป เหล็กม้วน เหล็กแผ่น โดยเฉพาะเหล็กแผ่นรีดม้วนที่เมื่อต้นปี 2560 ราคา 17,000 บาทต่อตัน ปัจจุบันขยับมาเป็น 20,000 บาทต่อตัน เหล็กเส้นจาก 15,000 บาทต่อตันเพิ่มเป็น 18,000 บาทต่อตัน มีสาเหตุมาจาก 1. กรณีจีน ลดกำลังผลิตในประเทศ ปิดโรงงานเหล็กที่มีปัญหาสร้างมลพิษ ทำให้มีปริมาณเหล็กในตลาดโลกลดลง โดยปริมาณเหล็กหายไปประมาณ 100 ล้านตัน

“คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3 และ 4 จะดีขึ้นกำลังผลิตของTHE จะทำได้ตามเป้าที่ 1 ล้านตันต่อปี ยอดขายเติบโตมากกว่าปี 2559 จากปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ที่ 15,839 ล้านบาท”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว