บลจ.มั่นใจศก.อินเดียโตฉลุยหนุนหุ้นไปต่อ‘บัวหลวง-กรุงศรี’IPOกองใหม่
บลจ.มั่นใจเศรษฐกิจอินเดียโตต่อเนื่อง หนุนตลาดหุ้นระยะยาว เผยปีนี้กองทุนหุ้นอินเดียผลตอบแทนเฉลี่ย 25% KTAM แชมป์สูงสุด 35% มองระยะสั้นอาจปรับฐาน แนะเล่นสั้นขายทำกำไรบางส่วน กลุ่มลงทุนยาวแนะถือต่อรอเก็บเกี่ยวกำไร
จากการสำรวจผลตอบแทนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นอินเดีย ตั้งแต่เดือนมกราคม -31 สิงหาคม 2560 ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)ฯพบว่า กองทุนทั้งระบบ 9 กองทุน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 25.29% โดยกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ผลตอบแทนสูงสุด 35.32% ส่วนกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้น้อยที่สุดในกลุ่มอยู่ที่ 15.81%
นายจอห์น เพลเลกรี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์หุ้นอาเซียน Invesco Perpetual กล่าวว่า ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นจนราคาสูงในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนเห็นว่าโครงสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่และเศรษฐกิจเติบโตเร็วมาก ขณะที่หนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในมุมมองของอินเวสโก้ยังให้นํ้าหนักการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากยังมีแนวโน้มการเติบโตสูงและมีศักยภาพ
นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทยฯเปิดเผยว่า ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นมากในปีนี้อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้ในระยะสั้น ดังนั้นนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้นอาจแบ่งบางส่วนขายทำกำไรออกไปบ้าง ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำให้ถือไว้ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย
“ประเทศอินเดียมีขนาดใหญ่ประชากรมากส่งผลให้การบริโภคเติบโตสูง ขณะที่นโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีต่อเนื่องจะสนับสนุนให้อินเดียเติบโตได้ดีและต่อเนื่อง บริษัทจึงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียในระยะยาวซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการเติบโต”นายวีระ กล่าว
ส่วนกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า ซึ่งทำผลงานได้ดีนั้น นอกจากราคาหุ้นอินเดียปรับขึ้นแล้วยังมาจากการที่กองทุนได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 90% มาตั้งแต่ต้นปี ทำให้เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ประมาณ 10% ในปีนี้จึงเป็นผลบวกต่อกองทุน
นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการvบลจ.กรุงศรีฯเปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2560 บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) ลงทุนในกองทุนหลัก First State Indian Subcontinent Fundซึ่งได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว ณ 31 กรกฎาคม 2560บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นอินเดียชั้นนำในอุตสาหกรรมและกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน
บลจ.กรุงศรีฯมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงติดอันดับโลกเฉลี่ยประมาณ 7.5% ต่อปี กลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศ G20 นอกจากนี้การเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายโมดิ ทำให้การเมืองที่เคยอ่อนแอกลับมามีเสถียรภาพสูง นโยบายการปฏิรูปที่โดดเด่นก่อให้เกิดการพลิกโฉมทางเศรษฐกิจของอินเดีย
ด้านบลจ.บัวหลวงฯ เปิดขายกองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA) ครั้งแรกวันที่ 7-13 กันยายน 2560 ลงทุนขั้นตํ่า 500 บาท เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ RAMS Equities Portfolio Fund-India Equites Portfolio Fund ชนิด Class I (USD) เฉลี่ยรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560
จากการสำรวจผลตอบแทนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นอินเดีย ตั้งแต่เดือนมกราคม -31 สิงหาคม 2560 ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)ฯพบว่า กองทุนทั้งระบบ 9 กองทุน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 25.29% โดยกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ผลตอบแทนสูงสุด 35.32% ส่วนกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้น้อยที่สุดในกลุ่มอยู่ที่ 15.81%
นายจอห์น เพลเลกรี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์หุ้นอาเซียน Invesco Perpetual กล่าวว่า ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นจนราคาสูงในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนเห็นว่าโครงสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่และเศรษฐกิจเติบโตเร็วมาก ขณะที่หนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในมุมมองของอินเวสโก้ยังให้นํ้าหนักการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากยังมีแนวโน้มการเติบโตสูงและมีศักยภาพ
นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทยฯเปิดเผยว่า ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นมากในปีนี้อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้ในระยะสั้น ดังนั้นนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้นอาจแบ่งบางส่วนขายทำกำไรออกไปบ้าง ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำให้ถือไว้ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย
“ประเทศอินเดียมีขนาดใหญ่ประชากรมากส่งผลให้การบริโภคเติบโตสูง ขณะที่นโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีต่อเนื่องจะสนับสนุนให้อินเดียเติบโตได้ดีและต่อเนื่อง บริษัทจึงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียในระยะยาวซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการเติบโต”นายวีระ กล่าว
นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการvบลจ.กรุงศรีฯเปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2560 บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) ลงทุนในกองทุนหลัก First State Indian Subcontinent Fundซึ่งได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว ณ 31 กรกฎาคม 2560บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นอินเดียชั้นนำในอุตสาหกรรมและกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน
บลจ.กรุงศรีฯมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงติดอันดับโลกเฉลี่ยประมาณ 7.5% ต่อปี กลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศ G20 นอกจากนี้การเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายโมดิ ทำให้การเมืองที่เคยอ่อนแอกลับมามีเสถียรภาพสูง นโยบายการปฏิรูปที่โดดเด่นก่อให้เกิดการพลิกโฉมทางเศรษฐกิจของอินเดีย
ด้านบลจ.บัวหลวงฯ เปิดขายกองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA) ครั้งแรกวันที่ 7-13 กันยายน 2560 ลงทุนขั้นตํ่า 500 บาท เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ RAMS Equities Portfolio Fund-India Equites Portfolio Fund ชนิด Class I (USD) เฉลี่ยรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,295 วันที่ 10 - 13 กันยายน พ.ศ. 2560
