กรมสุขภาพจิต ปั้นผู้บริหารระดับกลางมืออาชีพ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ประชาชนสุขภาพจิตดี มีความสุข”
[caption id="attachment_204495" align="aligncenter" width="372"]
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์[/caption]
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2560 นี้ กรมสุขภาพจิตได้เน้นพัฒนาศักยภาพทรัพยากรบุคคล โดยเปิดหลักสูตรพัฒนาบุคลากรในสังกัดระดับหัวหน้างาน ให้เป็นผู้บริหารระดับกลาง ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการรับนโยบายและยุทธศาสตร์ของกรมและกระทรวงสาธารณสุข นำไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ต่างๆบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งผู้บริหารระดับกลางนี้จะสวมหมวก 2 ใบ คือเป็นทั้งผู้นำหน่วยงานระดับกลางขานรับนโยบายจากผู้บริหารระดับสูง เชื่อมต่อกับบุคลากรระดับปฏิบัติ และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆตามแผนยุทธศาสตร์ของกรมเพื่อให้งานบรรลุตามวิสัยทัศน์ของกรมที่ตั้งไว้ภายในพ.ศ. 2564 คือประชาชนมีสุขภาพจิตดี มีความสุข อีกทั้งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบริการของกรมสุขภาพจิต ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยรุ่นแรกนี้เริ่มจำนวน 35 คนใช้เวลาอบรม 1 เดือน ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา และจะจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง
อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า ในการบริหารและการพัฒนาระบบราชการให้บรรลุผลสำเร็จ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน จะต้องมีการวางระบบการทำงานที่มีมาตรฐานและดำเนินการเป็นองคาพยพ คือทุกหน่วยงาน และบุคลากรทุกคน ทุกระดับ ปฏิบัติงานเกื้อหนุนซึ่งกันและกันตามบทบาทหน้าที่ โดยยึดที่เป้าหมายเดียวกัน ผู้บริหารจะต้องมีสมรรถนะในการบริหารจัดการโดยเฉพาะการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ และการจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากแม้ว่าเราเขียนยุทธศาสตร์ไว้อย่างดีเลิศแล้วก็ตาม แต่หากขาดการนำไปปฏิบัติ ก็จะไม่เกิดผลต่อประชาชนที่มีประสิทธิภาพ
“ ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารระดับกลาง ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี 3 เรื่อง คือ 1.ต้องมีความรู้จริงในงานที่รับผิดชอบ มีจิตวิญญาณด้านสุขภาพจิต การมีความรู้จะเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนและมีผลต่อการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานได้ตรงกับเป้าหมายองค์กร และมีความกระตือรือร้นในการทำงาน 2. ต้องทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ปฏิบัติงานใต้บังคับบัญชา ไม่ใช้ระบบการทำงานแบบการสั่งหรือชี้นิ้ว ซึ่งจะทำให้งานก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และประการที่ 3. ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญคือให้ยึดหลักให้กำลังใจตัวเอง โดยเฉพาะการเป็นข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทำให้เกิดความสุข ความภาคภูมิใจในการทำงาน” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว
อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อไปว่า งานของกรมสุขภาพจิต เกี่ยวข้องกับการรักษาส่งเสริมป้องกันสุขภาพของจิตใจ ซึ่งเป็นส่วนประกอบ 50 เปอร์เซ็นต์ของคนเพื่อให้คนมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต ไม่ใช่คนบ้าหรือคนวิกลจริต แต่เป็นผู้เจ็บป่วยทางจิตใจที่ต้องดูแลรักษา เมื่อดูแลรักษาดีแล้วจะกลับมาสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564 กรมสุขภาพจิตได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะตอบโจทย์วิสัยทัศน์ให้ประชาชนมีสุขภาพจิตดี มีความสุข 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.การส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตประชาชนทุกกลุ่มวัย 2. พัฒนาคุณภาพระบบบริการและวิชาการสุขภาพจิตและจิตเวช 3.สร้างความตระหนักและความเข้าใจต่อปัญหาสุขภาพจิต และ 4. พัฒนาระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล โดยกำหนดค่าเป้าหมายตัวชี้วัดเมื่อสิ้นสุดแผนไว้ 4 ตัวชี้วัด ได้แก่ อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จไม่เกิน 6.0 ต่อประชากรแสนคน เด็กไทยมีระดับสติปัญญาเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 100 จุด เด็กไทยร้อยละ 70 มีความฉลาดทางอารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติขึ้นไป และผู้ป่วยด้วยโรคทางจิตเวชที่สำคัญ เช่นจิตเภท โรคซึมเศร้า โรคออทิสติก เข้าถึงบริการสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20