กองทุนพ่วงประกัน ดูแลสุขภาพสูงวัย
วตท.24เดินหน้าผลักดัน “กองทุนพ่วงประกันสุขภาพ” หวังเป็นทางเลือกมนุษย์เงินเดือนเตรียมเงินรองรับค่ารักษาพยาบาลยามเกษียณ
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล จำกัดเปิดเผยถึงความคืบหน้าของแนวคิดกองทุนพ่วงประกันเพื่อดูแลสุขภาพหลังเกษียณอายุ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.)รุ่น24ว่าในส่วนของกองทุนรวมนั้นได้สอบถามสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้วสามารถดำเนินการได้ แต่ติดเกณฑ์ในส่วนของประกันสุขภาพจะต้องมีผลทันทีเมื่อลูกค้าซื้อกรมธรรม์ จึงต้องรอแก้ไขความชัดเจนในส่วนนี้ก่อน
[caption id="attachment_177434" align="aligncenter" width="503"]
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด[/caption]
สำหรับรูปแบบของกองทุนพ่วงประกันนั้นผู้สนใจจะต้องลงทุนก่อนอายุเกษียณประมาณ 5-10 ปี โดยเงินที่ผู้ลงทุนใส่เข้ามาจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นเงินส่วนใหญ่ที่ผู้จัดการกองทุนจะบริหารเพื่อให้ได้ผลตอบแทนและเงินส่วนน้อยจะถูกกันไว้สำหรับจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพซึ่งประกันจะเริ่มมีผลเมื่ออายุ 60 ปี หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีประกันส่วนนี้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ขณะเดียวกันพออายุ 60 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยสำหรับดำรงชีพหลังเกษียณอายุ
“ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณขณะเดียวกันพนักงานออฟฟิศซึ่งมีประกันกลุ่มจากบริษัทจนเกษียณอายุจึงลืมคิดเรื่องนี้เมื่อเกษียณ ขณะที่ปัญหาสุขภาพเป็นปัญหาใหญ่และมีค่าใช้จ่ายสูงหากจะไปซื้อเบี้ยประกันตอนเกษียณก็จะแพงมาก จึงมีแนวคิดกองทุนพ่วงประกันขึ้นมา เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คนเริ่มออมและลงทุนสำหรับรองรับเกษียณอายุ”นายวิน กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสถาบันวิทยาการตลาดทุน โดยนักศึกษาวตท. 24 จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “Wellness Aging:สูงวัย มีสุข” ในวันที่ 13 กันยายน 2560 เวลา 8.00-21.00 น. อาคารตลาดหลักทรัพย์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,294 วันที่ 7 - 9 กันยายน พ.ศ. 2560
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล จำกัดเปิดเผยถึงความคืบหน้าของแนวคิดกองทุนพ่วงประกันเพื่อดูแลสุขภาพหลังเกษียณอายุ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.)รุ่น24ว่าในส่วนของกองทุนรวมนั้นได้สอบถามสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้วสามารถดำเนินการได้ แต่ติดเกณฑ์ในส่วนของประกันสุขภาพจะต้องมีผลทันทีเมื่อลูกค้าซื้อกรมธรรม์ จึงต้องรอแก้ไขความชัดเจนในส่วนนี้ก่อน
[caption id="attachment_177434" align="aligncenter" width="503"]
สำหรับรูปแบบของกองทุนพ่วงประกันนั้นผู้สนใจจะต้องลงทุนก่อนอายุเกษียณประมาณ 5-10 ปี โดยเงินที่ผู้ลงทุนใส่เข้ามาจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นเงินส่วนใหญ่ที่ผู้จัดการกองทุนจะบริหารเพื่อให้ได้ผลตอบแทนและเงินส่วนน้อยจะถูกกันไว้สำหรับจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพซึ่งประกันจะเริ่มมีผลเมื่ออายุ 60 ปี หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีประกันส่วนนี้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ขณะเดียวกันพออายุ 60 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยสำหรับดำรงชีพหลังเกษียณอายุ
“ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณขณะเดียวกันพนักงานออฟฟิศซึ่งมีประกันกลุ่มจากบริษัทจนเกษียณอายุจึงลืมคิดเรื่องนี้เมื่อเกษียณ ขณะที่ปัญหาสุขภาพเป็นปัญหาใหญ่และมีค่าใช้จ่ายสูงหากจะไปซื้อเบี้ยประกันตอนเกษียณก็จะแพงมาก จึงมีแนวคิดกองทุนพ่วงประกันขึ้นมา เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คนเริ่มออมและลงทุนสำหรับรองรับเกษียณอายุ”นายวิน กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสถาบันวิทยาการตลาดทุน โดยนักศึกษาวตท. 24 จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “Wellness Aging:สูงวัย มีสุข” ในวันที่ 13 กันยายน 2560 เวลา 8.00-21.00 น. อาคารตลาดหลักทรัพย์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,294 วันที่ 7 - 9 กันยายน พ.ศ. 2560