บลจ.ทิสโก้เฮ!หุ้นพุ่งหนุนทริกเกอร์หุ้นไทยเข้าเป้า 3 กองทุน

05 ก.ย. 2560 | 07:01 น.
บลจ.ทิสโก้เจ๋ง! ส่งทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทยถึงเส้นชัย 3 กองทุนภายในรอบ 1 สัปดาห์ ปีนี้บริหารทริกเกอร์ฟันด์ทะลุเป้าหมายไปแล้ว 7 กองทุน พร้อมคาดหุ้นไทยยังสดใสรับนโยบายภาครัฐหนุนเศรษฐกิจ

[caption id="attachment_204120" align="aligncenter" width="377"] นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ[/caption]

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
กล่าวว่า ในรอบ 1 สัปดาห์ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2560 กองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทย 3 กองทุนของบริษัท ผลตอบแทนถึงเป้าหมายและเข้าเงื่อนไขเลิกโครงการ

กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #24 (TISEQT24) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งเมื่อปีที่แล้ว ถึงเป้าหมายเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #18 (TISEQT18) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งในปี 2558 ถึงเป้าหมายเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 และกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #17 (TISEQT17) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งในปี 2557 และถึงเป้าหมายเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560

ทั้งนี้ ในปี 2560 บลจ.ทิสโก้สามารถบริหารกองทุนถึงเป้าหมายแล้ว 7 กองทุน โดยถึงเป้าหมายภายในกำหนดเวลาการลงทุน 4 กองทุนและถึงเป้าหมายนอกกำหนดเวลาการลงทุน 3 กองทุน ในจำนวนนี้เป็นทริกเกอร์ฟันด์จัดตั้งในปี 2560 ทั้งสิ้น 3 กองทุนและถึงเป้าหมายในกำหนดเวลาการลงทุนทั้งหมด และนับตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้บริหารทริกเกอร์ฟันด์ถึงเป้าหมายและเลิกโครงการแล้ว 84 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนที่ถึงเป้าหมายภายในกำหนดเวลาการลงทุน 67 กองทุน ถึงเป้าหมายนอกกำหนดเวลาการลงทุน 17 กองทุน จากจำนวนทริกเกอร์ฟันด์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 119 กองทุน

สำหรับกองทุนที่ยังไม่ถึงเป้าหมายนั้นยังอยู่ในระหว่างลงทุนเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 16 กองทุนและไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 19 กองทุน

นายสาห์รัฐ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นสวนทางตลาดอื่นในภูมิภาค สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนมั่นใจในการเติบโตและเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว หลังรัฐบาลได้ออกมาตรการหนุนเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเมื่อเร็วๆ นี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติโครงการประชารัฐสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 46,000 ล้านบาท จากมาตรการนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนให้ฟื้นตัวดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 4

นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวดีขึ้น แม้จะเป็นการฟื้นตัวจากส่งออก และ ท่องเที่ยว แต่แนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณบวก หลังจากรายงานตัวเลขนำเข้าสินค้าเพื่อการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงนักลงทุนคลายความกังวลต่อปัจจัยการเมือง และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อทิศทางการเลือกตั้งในปี 2561 ส่งผลให้หุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นรับกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตในครั้งนี้ได้