สื่อนอกแฉ! “บอส อยู่วิทยา” บินเจ็ทส่วนตัวโผล่ไทเป ส่งผลคดี "ชนแล้วหนี" หมดอายุความ

03 ก.ย. 2560 | 06:13 น.
 

สำนักข่าวต่างประเทศ เผย “บอส อยู่วิทยา” บินเจ็ทส่วนตัวจากสิงคโปร์เข้าพักที่โรงแรมในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่งผลทำให้คดี "ชนแล้วหนี" หมดอายุความในวันนี้
---3 ก.ย.60--- เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานความคืบหน้าเบาะแสของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส  ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ช่วงปลายปี 2555 ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศไทย จนทำให้คดีความต่าง ๆ ทยอยหมดอายุความลงไป แต่ยังไม่มีรายงาน หรือหลักฐานที่ชัดเจนถึงสถานะที่อยู่ปัจจุบันของนายวรยุทธ ล่าสุดสำนักข่าวเอพี มีรายงานข่าวว่า นายวรยุทธ ไปปรากฏตัวอยู่ที่ประเทศไต้หวัน เป็นที่สุดท้าย ก่อนจะมีคำสั่งฟ้องช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน
รายงานยังระบุอีกว่า นายวรยุทธเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ไปยังประเทศสิงคโปร์ ก่อนเดินทางต่อไปยังไต้หวัน ในวันที่ 28 เมษายนปีนี้ และเข้าพักที่โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล ในกรุงไทเป จากนั้นนายวรยุทธได้เดินทางออกจากไต้หวัน ก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่ทราบสถานะที่อยู่ปัจจุบัน

Screen Shot 2017-09-03 at 12.56.09 PM
ทั้งนี้นายวรยุทธ ถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 4 ข้อหา แต่หมดอายุความไปแล้ว 2 ข้อหา คือ ข้อหาเมาแล้วขับ และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่วนอีก 2 ข้อหาที่ยังไม่หมดอายุความ คือ ขับรถในทาง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่แจ้งเหตุแก่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ในทันที มีอายุความ 5 ปี และจะหมดอายุความในวันนี้ (3 กันยายน 2560) จะส่งผลให้เหลือข้อหาเพียงหนึ่งข้อหา คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อายุความ 15 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในปี 2570 หรือ อีก 10 ปี ข้างหน้า
แต่อย่างไรก็ตามทางการไทยได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายวรยุทธเรียบร้อยแล้ว ก่อนประสานงานไปยังสำนักงานตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ซึ่งขณะนี้ได้ออกหมายแดง เพื่อแจ้งไปยังประเทศต่าง ๆทั่วโลก ให้มีการติดตามตัวนายวรยุทธมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุถึงรายละเอียดการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ว่า ทางการไทยจะต้องรู้ และแจ้งพิกัดที่อยู่ของผู้ต้องหาในต่างประเทศขณะส่งคำร้องให้แน่ชัด แต่ทั้งนี้หากทราบพิกัดที่ชัดแจ้ง แม้ประเทศที่ผู้ต้องหาพำนักไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ก็สามารถใช้การร้องขอความร่วมมือทางอาญา โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย อาจใช้ช่องทางนี้เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ด้วยเช่นกัน