กรมที่ดินแจงที่ดินอัลไพน์ยังคงเป็นที่ธรณีสงฆ์ไม่สามารถซื้อขายได้

03 ก.ย. 2560 | 04:00 น.
กรมที่ดินชี้แจงกรณีร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร

นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดินชี้แจงกรณีนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นชอบ ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เพิ่งถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตามประเด็น ดังต่อไปนี้

ประเด็นที่ 1. วัดกับมูลนิธิ เป็นนิติบุคคลคนละส่วนกัน และถือว่าเป็นคนละคนกัน วิธีการที่ถูกต้องคือรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการให้กลับไปเป็นรูปแบบเดิมตามพินัยกรรมและความประสงค์ของนางเนื่อม คือ ทำให้ที่ดินกลับไปเป็นของวัด แล้วจากนั้นรัฐบาลค่อยแก้ปัญหาให้ผู้ได้รับผลกระทบ

ประเด็นที่ 2. การดำเนินการดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์ของเจ้าของที่ดินที่เขียนพินัยกรรมว่ามอบให้วัด อย่างชัดเจน
prateep

ประเด็นที่ 3. เป็นการเปิดช่องให้นายยงยุทธฯ หยิบยกกฎหมายนี้มาต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ได้ ซึ่งถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายยงยุทธฯ พ้นจากความผิดได้

กรมที่ดินขอเรียนชี้แจงในแต่ละประเด็นดังนี้
1. การเป็นที่ธรณีสงฆ์นั้น เป็นไปโดยสภาพของที่ดิน ที่ดินใดเป็นที่ธรณีสงฆ์แล้ว การโอนจะต้อง ตราเป็นพระราชบัญญัติตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 หากมีการนำที่ดินไปออกเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลายาวนานเพียงใด ก็ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงผลทางกฎหมายของที่ธรณีสงฆ์ กรณีนี้จึงไม่อาจใช้วิธีการอื่นที่จะทำให้ที่ดินแปลงนี้พ้นจากสภาพการเป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ หากผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ต้องการโอนที่ดินให้แก่เอกชน ก็ต้องตราพระราชบัญญัติโอนที่ธรณีสงฆ์ ดังนั้นสำนักงานพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบย่อมต้องมีหน้าที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติ โดยชอบด้วยกฎหมายตามที่กล่าวแล้วข้างต้น (กรณีดังกล่าวเป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา)
alpine1 2. อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งที่ 2308/2544 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 2544 เพิกถอนรายการจดทะเบียนและโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยกทั้งหมด ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งต่อมามีผู้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เห็นว่าคำอุทธรณ์ฟังขึ้น จึงสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งต่อมา ป.ป.ช. พิจารณาว่าการกระทำของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่มีคำสั่งยกเลิกคำสั่ง กรมที่ดินดังกล่าว เป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ตัดสินจำคุก 2 ปีนั้น

การวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ยกเลิกคำสั่งของกรมที่ดินมีผลแต่เพียงทำให้ขั้นตอนต้องหยุดชะงักลงเท่านั้น แต่ไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพทางกฎหมายของที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์ คำสั่งวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นคำสั่งทางปกครอง ดังนั้นผู้มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยอุทธรณ์ก็อาจเพิกถอนคำสั่งที่ขัดต่อกฎหมายและทำคำสั่งใหม่ได้เสมอ โดยคำนึงถึงความเชื่อโดยสุจริตของผู้รับประโยชน์ในความคงอยู่ของคำสั่งทางปกครองนั้นกับประโยชน์ของสาธารณะประกอบกัน เพื่อมิให้เกิดความเสียหายเกินควรแก่กรณี ทั้งนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539