ไฮเวย์กรุ๊ปบุกเมียนมาป้อนวัสดุก่อสร้างหมู่บ้านเศรษฐีที่ตองจี
ไฮเวย์กรุ๊ป ยักษ์วัสดุก่อสร้างแม่สอด บุกขายตรงกลุ่มพัฒนาที่ดินเมียนมา ป้อนบ้านจัดสรรเศรษฐีราคา 30 ล้านต่อหลัง “ลอยคำ โปรเจ็กต์” ที่เมืองตองจี รัฐฉาน โรงแรม-รีสอร์ตที่ทวายและมัณฑะเลย์ ประสานกับสามเสือ ทรานสปอร์ต ต่อยอดโลจิสติกส์ในเมียนมา
นายวสันต์ ครรชิตศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ปฯ กลุ่มบริษัทจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ในจังหวัดตาก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า “ไฮเวย์ ซีเมนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างของเอสซีจี กำลังเปลี่ยนถ่ายการบริหารงานมาสู่ทายาทรุ่น 2 และเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจแบบฝากส่งไปสู่การประสานโดยตรงกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาที่ดินในประเทศเมียนมา ซึ่งวัสดุก่อสร้างกว่า 60-70% จะส่งผ่านชายแดนด้านอำเภอแม่สอด-เมียวดี จังหวัดตาก โดยขณะนี้ รับงานจัดส่งสินค้าป้อนโครงการสร้างรีสอร์ตแบบบังกะโล 2 แห่งที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งต้องการวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงในเครือเอสซีจี เนื่องจากอยู่ในเขตที่มีความแห้งแล้ง ความร้อนสูง และลมแรง
[caption id="attachment_202926" align="aligncenter" width="335"]
วสันต์ ครรชิตศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ปฯ[/caption]
“นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรระดับลักชัวรี “ลอยคำ โปรเจ็กต์” ที่เมืองตองจี รัฐฉาน สำหรับให้เศรษฐีในเมียนมาใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ เนื่องจากตั้งอยู่ในภูมิประเทศป่าเขา อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการชมดอกซากุระบาน ราคาบ้านหลังละ 30-50 ล้านบาท รวมทั้งโครงการประมาณ 50 หลัง ขณะนี้เริ่มสร้างบ้านตัวอย่างแล้ว ดาดว่า จะแล้วเสร็จทั้งโครงการประมาณปี 2562-2563”
นายวสันต์ กล่าวต่อไปว่า กำลังประสานงานกับอีกโครงการหนึ่งที่จังหวัดทวาย คือโครงการสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว สูง 8 ชั้น ริมทะเลอันดามัน ซึ่งการขนส่งวัสดุก่อสร้างจะขนส่งผ่านจังหวัดระนองลงเรือที่ไปยังจังหวัดทวาย เนื่องจากเส้นทางขนส่งทางบกผ่านจังหวัดกาญจนบุรียังมีอุปสรรคอีกมาก วัสดุก่อสร้างจากไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดเมียนมาจะเป็นไม้สังเคราะห์ ฝ้าเพดาน สินค้าที่มีนวัตกรรม และในอนาคต อาจเพิ่มสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า
“ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ดำเนินการโดยบริษัท สามเสือ ทรานสปอร์ต จำกัด รับขนส่งสินค้าทั่วประเทศไปยังเมืองต่างๆ ในเมียนมาไม่ว่าจะเป็นย่างกุ้ง เนปิดอร์ เมาะลำไย พุกาม โดยมีรถหัวลากรวม 60 คัน และมีงานประจำขนส่งสินค้าเดือนละ 800-1,000 เที่ยว โดยสามารถใช้รถจากฝั่งไทยเข้าไปได้ไม่เกิน 10-15 กม. ก็ต้องขนถ่ายสินค้าให้กับรถขนส่งที่จดทะเบียนในเมียนมา ในขณะนี้จึงอยู่ระหว่างหาพันธมิตรเมียนมามาเข้าในเครือข่าย โดยสามเสือ ทรานสปอร์ต จะลงทุนในด้านระบบโลจิสติกส์ ใช้เงินลงทุน 5-10 ล้านบาท สร้างโกดังขนถ่ายสินค้า ติดตั้งจีพีเอสในรถขนส่งเพื่อติดตามสินค้า เทรนนิ่งพนักงานขับรถให้มีทักษะและประสิทธิภาพสูงขึ้น”
กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ป กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคของธุรกิจขนส่งสินค้าไปยังเมียนมาผ่านด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี ผ่านสะพานข้ามเมยแห่งที่ 1 คือ แต่ละวันมีปริมาณรถบรรทุกต่อคิวรอคอยผ่านพิธีการศุลกากรเป็นจำนวนมาก จนสร้างปัญหาการจราจรบริเวณหน้าด่าน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างลานจอดรถส่วนกลางให้เพียงพอกับความต้องการที่สูงมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ทันกับกฎระเบียบที่มีเปลี่ยนแปลง เช่น เดิมทางการเมียนมาเปิดให้ขนส่งรถไถนาสำเร็จรูปทั้งคันไปให้กับตัวแทนจำหน่ายในเมียนมา แต่ในอนาคต จะให้เพียงขนส่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อไปประกอบในเมียนมาแทน
นายเสรี ครรชิตศิริกุล ประธานกรรมการ ไฮเวย์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ไฮเวย์กรุ๊ป มีเครือข่ายทั้งหมด 8 บริษัท โดยเริ่มที่ธุรกิจขนส่งในชื่อ บริษัท ไฮเวย์ ทรัค จำกัด ในปี 2546-2547 มีรถขนส่งวอลโว่ ทรัคส์ จำนวน 12 คัน ซึ่งต่อมาเปลี่ยน เป็น บริษัท สามเสือ ทราน สปอร์ต จำกัด และในปี 2555 ตั้งบริษัท ไฮเวย์ ซีเมนต์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างของเครือเอสซีจี ปี 2558 เปิดบริษัท ไฮเวย์ คอนกรีต จำกัด ทำกิจการแพลนปูนซีเมนต์ผสมเสร็จ บริษัท ไฮเวย์ อินเตอร์ เอ็กซ์สปอร์ต จำกัด ทำธุรกิจชิปปิ้ง ท่าข้าม 33 (ไฮเวย์) ท่าเรือขนถ่ายสินค้าริมแม่นํ้าเมย ศูนย์ยางรถบรรทุกมิชลินในชื่อ ไฮเวย์ ทรัค ไทร์ ธุรกิจสถานีบริการนํ้ามันปตท.ในชื่อไฮเวย์ ทรัค พาร์ก แอนด์ เซอร์วิส และสุดท้ายธุรกิจท่าทรายไฮเวย์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560
นายวสันต์ ครรชิตศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ปฯ กลุ่มบริษัทจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ในจังหวัดตาก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า “ไฮเวย์ ซีเมนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างของเอสซีจี กำลังเปลี่ยนถ่ายการบริหารงานมาสู่ทายาทรุ่น 2 และเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจแบบฝากส่งไปสู่การประสานโดยตรงกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาที่ดินในประเทศเมียนมา ซึ่งวัสดุก่อสร้างกว่า 60-70% จะส่งผ่านชายแดนด้านอำเภอแม่สอด-เมียวดี จังหวัดตาก โดยขณะนี้ รับงานจัดส่งสินค้าป้อนโครงการสร้างรีสอร์ตแบบบังกะโล 2 แห่งที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งต้องการวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงในเครือเอสซีจี เนื่องจากอยู่ในเขตที่มีความแห้งแล้ง ความร้อนสูง และลมแรง
[caption id="attachment_202926" align="aligncenter" width="335"]
“นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรระดับลักชัวรี “ลอยคำ โปรเจ็กต์” ที่เมืองตองจี รัฐฉาน สำหรับให้เศรษฐีในเมียนมาใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ เนื่องจากตั้งอยู่ในภูมิประเทศป่าเขา อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการชมดอกซากุระบาน ราคาบ้านหลังละ 30-50 ล้านบาท รวมทั้งโครงการประมาณ 50 หลัง ขณะนี้เริ่มสร้างบ้านตัวอย่างแล้ว ดาดว่า จะแล้วเสร็จทั้งโครงการประมาณปี 2562-2563”
นายวสันต์ กล่าวต่อไปว่า กำลังประสานงานกับอีกโครงการหนึ่งที่จังหวัดทวาย คือโครงการสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว สูง 8 ชั้น ริมทะเลอันดามัน ซึ่งการขนส่งวัสดุก่อสร้างจะขนส่งผ่านจังหวัดระนองลงเรือที่ไปยังจังหวัดทวาย เนื่องจากเส้นทางขนส่งทางบกผ่านจังหวัดกาญจนบุรียังมีอุปสรรคอีกมาก วัสดุก่อสร้างจากไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดเมียนมาจะเป็นไม้สังเคราะห์ ฝ้าเพดาน สินค้าที่มีนวัตกรรม และในอนาคต อาจเพิ่มสินค้าประเภทอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า
“ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ดำเนินการโดยบริษัท สามเสือ ทรานสปอร์ต จำกัด รับขนส่งสินค้าทั่วประเทศไปยังเมืองต่างๆ ในเมียนมาไม่ว่าจะเป็นย่างกุ้ง เนปิดอร์ เมาะลำไย พุกาม โดยมีรถหัวลากรวม 60 คัน และมีงานประจำขนส่งสินค้าเดือนละ 800-1,000 เที่ยว โดยสามารถใช้รถจากฝั่งไทยเข้าไปได้ไม่เกิน 10-15 กม. ก็ต้องขนถ่ายสินค้าให้กับรถขนส่งที่จดทะเบียนในเมียนมา ในขณะนี้จึงอยู่ระหว่างหาพันธมิตรเมียนมามาเข้าในเครือข่าย โดยสามเสือ ทรานสปอร์ต จะลงทุนในด้านระบบโลจิสติกส์ ใช้เงินลงทุน 5-10 ล้านบาท สร้างโกดังขนถ่ายสินค้า ติดตั้งจีพีเอสในรถขนส่งเพื่อติดตามสินค้า เทรนนิ่งพนักงานขับรถให้มีทักษะและประสิทธิภาพสูงขึ้น”
กรรมการผู้จัดการ บริษัทไฮเวย์กรุ๊ป กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคของธุรกิจขนส่งสินค้าไปยังเมียนมาผ่านด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี ผ่านสะพานข้ามเมยแห่งที่ 1 คือ แต่ละวันมีปริมาณรถบรรทุกต่อคิวรอคอยผ่านพิธีการศุลกากรเป็นจำนวนมาก จนสร้างปัญหาการจราจรบริเวณหน้าด่าน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างลานจอดรถส่วนกลางให้เพียงพอกับความต้องการที่สูงมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ทันกับกฎระเบียบที่มีเปลี่ยนแปลง เช่น เดิมทางการเมียนมาเปิดให้ขนส่งรถไถนาสำเร็จรูปทั้งคันไปให้กับตัวแทนจำหน่ายในเมียนมา แต่ในอนาคต จะให้เพียงขนส่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อไปประกอบในเมียนมาแทน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560