สนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการ ตั้งซูเปอร์บอร์ดคุม11รัฐวิสาหกิจ

01 ก.ย. 2560 | 10:49 น.
สนช.มติเอกฉันท์รับหลักการตั้งซูเปอร์บอร์ดคุม 11 รัฐวิสาหกิจ ขณะที่สมาชิกหวั่นฝ่ายการเมือง ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิแทรกแซง ด้านวิสุทธิ์ แจงผู้ทรงคุณวุฒิมาจากระบบการสรรหาและไร้การครอบงำจากฝ่ายใด

-1 ส.ค.60- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 เป็นประธาน มีมติเอกฉันท์ 169 คะแนน รับหลักการในวาระที่ 1 ของร่างพ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ…. ซึ่งมีสาระสำคัญ โดยให้มีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ที่กำหนดเป้าหมาย นโยบายและทิศทางในการพัฒนา 11 รัฐวิสาหกิจ ในภาพรวมทั้งระบบให้เป็นไปตามโดยสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ ซึ่งโครงสร้างของคนร. ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคนร. รองนายกฯที่นายกฯมอบหมาย 1 คน เป็นรองประธาน ส่วนกรรมการ โดยตำแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง รัฐมนตรีอื่นที่ ครม.แต่งตั้งจำนวน 2 คน ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยสำนักงบประมาณ และประธานกรรมการบริษัท

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ครม.แต่งตั้งอีกจำนวน 5 คน โดยมีอำนาจหน้าที่ 15 ด้าน อาทิ จัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจเพื่อเสนอต่อครม. กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังหรือบรรษัทในรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดโดยความเห็นชอบของครม. เสนอความเห็นต่อครม.ในการควบหรือยุบเลิกรัฐวิสาหกิจและการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนให้หุ้นที่บรรษัทถือครองจนพ้นสภาพความเป็นรัฐวิสาหกิจหรือทำให้เป็นรัฐวิสาหกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ได้อภิปรายท้วงติงในประเด็นเดียวกัน โดยเป็นห่วงว่าในอนาคตฝ่ายการเมืองอาจใช้ช่องทางในการแต่งตั้งคนร.ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแทรกแซงกิจการของรัฐวิสาหกิจ จึงอยากพิจารณาเพื่อหาทางป้องกันปัญหาในอนาคต ด้าน นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การแต่งตั้งกรรมการคนร.ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒินั้นในร่างกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งไว้ชัดเจน ครม.จะไม่สามารถแต่งตั้งใครมาเป็นดำรงตำแหน่งก็ได้ ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งกรรมการคนร.ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิจะดำเนินการภายใต้ระบบการสรรหา ซึ่งจะมีต้นทางจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจก่อนส่งมาให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณา โดยคณะกรรมการสรรหาดังกล่าวจะประกอบไปด้วยอดีตข้าราชการระดับสูง จึงคิดว่ากระบวนการสรรหาที่ให้บุคคลเหล่านี้ดำเนินการนั้นปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์และไม่ถูกครอบงำจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะเป็นส่วนช่วยให้ได้มาซึ่งกรรมการคนร.จากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ในระหว่างที่สนช.พิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) พร้อมคณะยื่นหนังสือถึงประธานสนช.เพื่อขอให้ยับยั้งร่างพ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. เพราะการยกร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ว่าด้วยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง และมาตรา 78 ประชาชนรวมตัดสินใจทางการเมือง นอกจากนั้นร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มาตรา 45 วรรคแรก ยังขัดหลักการปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ขัดกับอนุสัญญาสำคัญขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ซึ่งทุกประเทศที่เป็นสมาชิกต้องปฏิบัติตาม ถือเป็นการละเมิดสิทธิของลูกจ้างหรือพนักงานของบรรษัทวิสาหกิจ ที่กำหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่เป็นราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจทำให้ลูกจ้างพนักงานของบรรษัทไม่สามารถใช้สิทธิรวมตัวกันเป็นหาภาพแรงงานฯได้ จึงขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 42 และขัดกับหลักการสากล