'จีสตีล'เดินหน้าอ้อนผู้ถือหุ้นหนุนปรับโครงสร้างหนี้

30 ส.ค. 2560 | 10:30 น.
ช็อก ผู้ถือหุ้น "จีสตีล" ไม่อนุมัติแผนปรับโครงสร้างหนี้ คาดกลุ่มผู้ค้าเหล็กรายใหญ่ค้าน เตรียมเดินหน้าเจรจาผู้ถือหุ้น หนุนแผน หวังผลดีเกิดกับบริษัท ก่อนส่วนผู้ถือหุ้นติดลบในไตรมาส 2/2561

การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท จีสตีล จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2560 ในวันที่ 30 ส.ค.2560 เพื่อขอมติผู้ถือหุ้นในการปรับโครงสร้างหนี้และการขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งในวาระที่ 2 เป็นการขอมติผู้ถือหุ้นอนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระสำคัญต้องได้รับคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของผู้ที่มาประชุม ผลปรากฎว่าผลออกมาผิดคาด โดยมีคะแนนเสียงเพียง 68% ซึ่งต่ำกว่า 75% ตามข้อกำหนด โดยมีผู้ไม่เห็นด้วยคิดเป็น 909 ล้านหุ้น หรือ 31.67% ส่วนวาระขอความช่วยเหลือทางการเงินกับ SSG มูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติ

น.ส.สุนทรียา วงศ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบัญชีและการเงิน GSTEL กล่าวภายหลังการประชุมว่า คาดไม่ถึงว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ 2-3 รายจะไม่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้าวหนี้ ซึ่งใช้เวลาศึกษาและดำเนินการมากว่าปีครึ่ง และก่อนที่จะมาขอมติวันนี้ได้เจรจากับผู้ถือหุ้น เพื่อให้เห็นถึงผลดี เพราะหากบริษัทไม่ดำเนินการใดๆ ส่วนผู้ถือหุ้นและส่วนทุนจะติดลบและบริษัทมีความเป็นไปได้และมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่แผนการฟื้นฟูกิจการ อีกทั้งบริษัท คาลกิล เจ้าหนี้ต่างประเทศ มูลนี้ 620 ล้านบาท คดีอยู่ในขั้นตอนของศาลฎีกาแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าจะตัดสินเมื่อไร แต่หากปรับโครงสร้างหนี้เสร็จจะเป็นประโยชน์กับบริษัท

สำหรับขั้นตอนจากนี้ไปทางผู้บริหารจะต้องไปเจรจากับผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการปรับโครงสร้างหนี้และทำอย่างต้องดำเนินการใหม่หมด ตั้งแต่การเจรจากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ทันกับส่วนทุนที่จะไม่ให้ติดลบในไตรมาส 2 ปี 2561

นายศิริวัฒน์ วรเวทย์วุฒิคุณ นักลงทุนรายใหญ่ซึ่งถือหุ้น GSTEL จำนวน 1,000 กว่าหุ้น กล่าวว่า การปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้เป็นผลดีกับบริษัทและผู้ถือหุ้น ซึ่งตนเองจะใช้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิไปถึง 10 ล้านหุ้น แต่หลังจากการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ผ่าน ทำให้จะไม่ใช้สิทธิเลย

นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ที่ปรึกษาคณะกรรมการ GSTEL แนะนำนักลงทุนและผู้ถือหุ้นอย่าเพิ่งตื่นตระหนก เพราะต้องใช้เวลาไปเจรจากับผู้ถือหุ้นและคาดวาการที่ผู้ถือหุ้นคัดค้านอาจจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่จะจ่ายให้กับ SSG ที่ 12% สูงเกินไป ต้องขอเวลาให้ผู้บริหารทำหน้าที่เจรจาอีกครั้ง โดยเห็นว่าบริษัทยังมีอนาคต

อย่างไรก็ตามสำหรับวาระที่ 6 เรื่องการขอความช่วยเหลือทางการเงิน 41 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ย 12% ส่วนหนึ่งจะใช้เป็ฯทุนหมุนเวียนในการบริหารและมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 50% เป็น 100% ในปลายไตรมาส 2 ปี 2561

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นมีการคาดเดากันว่ากลุ่มที่ไม่สนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้น่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้าเหล็กรายใหญ่ ซึ่งเป็นทั้งเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของบริษัท หากเป็นเช่นนั้นการทำแบบนี้กลุ่มนี้ก็จะเสียประโยชน์จากการถือหุ้นและเป็นเจาหนี้ เพราะเมื่อเขาสู่แผนฟื้นฟูทำให้หนี้เสียหายลงไปอีก