เปิดศึกชิงตลาด ‘มูนเค้ก’ แบรนด์ดังขยับราคา ขยายฐานลูกค้าใหม่
ตลาดขนมไหว้พระจันทร์คึกคัก แบรนด์ดังจ่อปรับราคาขึ้นถ้วนหน้า พร้อมจัดหนักชิงยอดลูกค้ารุ่นเก่า-ใหม่ งัดสารพัดกลยุทธ์ทั้งแพ็กเกจรูปโฉมใหม่ ตั้งคีออส บริการดีลิเวอรี่ ด้าน “S&P” ผนึกแฟมิลี่มาร์ท เปิดตัวน้องมะม่วงจัง เอาใจกลุ่ม GEN Y
เรียกว่าคึกคักเร็วกว่าทุกปีกับ “เทศกาลไหว้พระจันทร์” ในเมืองไทย ซึ่งเป็นอีกซีซันนัลที่ผู้ประกอบการหยิบมาใช้เป็นอีเวนต์ในการดันยอดขาย ปัจจุบันตลาดขนมไหว้พระจันทร์ (Moon Cake) ซึ่งมีมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท มีการเติบโต 7% ตามตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีผู้ประกอบการทั้งไทย-เทศต่างให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดเป็นจำนวนมาก
โดยนายบัญชา พจชมานะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีล่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารจีนและขนมไหว้พระจันทร์ “เชียงการีล่า” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวหรือเติบโตราว 5% จากปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้ตลาดเติบโตมาจากสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น
[caption id="attachment_96094" align="aligncenter" width="335"]
บัญชา พจชมานะวงศ์
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีลา จำกัด[/caption]
“ขณะนี้มีออร์เดอร์สั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จากหน่วยงานองค์กรต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยรวมมองว่ายอดขายและภาพรวมตลาดน่าจะเติบโตใกล้กับปีก่อน ขณะที่การแข่งขันในตลาดนั้นน่าจะค่อนข้างรุนแรงจากการที่มีอินเตอร์แบรนด์เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น ส่วนการเลือกซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นนิยมเลือกซื้อขนมไหว้พระจันทร์จากช่องทางร้านค้าและภัตตาคารมากที่สุด นอกเหนือจากร้านค้าในโรงแรม และเบเกอรี่ทั่วไป”
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้บริษัทจับมือกับพันธมิตรในการขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังช่องทางดีลิเวอรี เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าพร้อมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจมากขึ้น โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจารวมกับพันธมิตรแต่ละราย นอกจากนี้ยังได้เตรียมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยการขยายจุดจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ในห้างสรรพสินค้าต่างๆในช่วงเวลา 10 วันก่อนจะถึงช่วงวันไหว้พระจันทร์ ควบคู่กับการเปิดตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่สีแดงสวยทรงสี่เหลี่ยมขนาดบรรจุ 4 ชิ้น และทรงกระบอก ขนาดบรรจุ 2 ชิ้น ออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อหาตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ดีบริษัทได้ปรับราคาขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นเฉลี่ย 4 บาทต่อชิ้น เนื่องมาจากราคาวัตถุดิบหลายอย่างที่มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100-120 บาทต่อชิ้น โดยบริษัทวางเป้าหมายที่จะมียอดขายใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเติบโตขึ้น 1-2%
“บริษัทเตรียมขยายจุดจำหน่ายในรูปแบบคีออส ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งไม่ได้หวังยอดขายมากนัก และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะเปิดคีออสได้กี่จุด ที่ใดบ้าง”
ด้านนายกำธร ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงินบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทเพิ่มรูปแบบการทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ โดยมีขนมไหว้พระจันทร์ให้เลือกซื้อ 17 ไส้ มี 3 ไส้ใหม่ได้แก่ มะม่วง,ชาอู่หลง และหมอนทองเจ รวมทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่แฟมิลี่มาร์ท ทุกสาขาทั่วประเทศ และมีไส้มะม่วงที่วางจำหน่ายเฉพาะแฟมิลี่มาร์ทเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้ปีนี้มีการปรับราคาขึ้นราว 10% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายขนมไหว้พระจันทร์ราว 70% ของยอดขายทั้งปี ขณะที่เอสแอนด์พียังเป็นผู้นำตลาดโดยมีส่วนแบ่งกว่า 50%
ขณะที่นางจิรนันท์ ผู้พัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่าจากการวิจัยของศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ากลุ่ม Gen Y ที่มีอายุ20-36 ปีนี้จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาดขนมไหว้พระจันทร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และเป็นช่วงอายุที่ให้ความสนใจสินค้าที่ทันสมัย แปลกใหม่ และเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันในหลากหลายกลุ่มธุรกิจพยายามเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Y ในการสร้างโอกาสด้วยความหลากหลายของสินค้าที่แตกต่างกันไป ทำให้เราเริ่มพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวให้มากขึ้น
ล่าสุดบริษัทจึงจับมือกับเอสแอนด์พีในการพัฒนาขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วง เพื่อวางจำหน่ายในเฉพาะร้านแฟมิลี่มาร์ท ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าพร้อมกับเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเจน Gen Y มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบดีลิเวอรีผ่านโก ไบค์ และเคอรี่ฯ อีกด้วย
แผนการทำตลาดในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ บริษัทให้ความสำคัญกับสื่อสารทางการตลาดในช่วงนี้ไปยังกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกันนี้ยังได้มีการสร้างการรับรู้ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fly Me To TheMoon” ผ่านความสดใสของน้องมะม่วง หรือมะม่วงจัง เด็กผู้หญิงน่ารักสไตล์ Fresh Fun และ Friendly คาแรกเตอร์ฝีมือคนไทยที่ดังไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น เป็นสื่อกลางในการสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Y พร้อมสร้างการรับรู้ของเทรนด์ใหม่ว่าปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์สามารถนำมาเป็นอาหารว่างในทุกโอกาส ไม่เฉพาะในช่วงพิธีการไหว้พระจันทร์เท่านั้น โดยบริษัทวางเป้าหมายยอดขายขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ไม่ตํ่ากว่า 1 แสนชิ้น หรือสามารถผลักดันยอดขายขนมไหว้พระจันทร์ในช่วงเทศกาลของร้านให้เติบโตได้ที่ 171%
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากผู้เล่นยักษ์ใหญ่ในตลาดขนมไหว้พระจันทร์ทั้ง 2 รายที่ผู้บริโภครู้จักกันดีแล้ว ปีนี้ตลาดขนมไหว้พระจันทร์เมืองไทยยังได้เห็นความเคลื่อนไหวของผู้เล่นรายใหม่อย่างร้าน mx cakes & bakery แบรนด์เบเกอรี่ชื่อดังจากฮ่องกง โดยบริษัท ฟู้ด ออฟ เอเชีย จำกัด ในเครือไทยเบฟเวอเรจ พร้อมกับเดินหน้ารุกตลาดอย่างเต็มที่ด้วยการเปิดตัว “ขนมไหว้พระจันทร์เอ็ม เอกซ์” (Hong Kong MX Mooncakes) ด้วยการปล่อยรสชาติใหม่อย่าง ไส้เม็ดบัวขาวไข่เค็มลาวาออกมารุกตลาด พร้อมชูจุดเด่นสินค้าขายดีอันดับ 1 ในฮ่องกงติดต่อกัน 19 ปีซ้อน ขณะเดียวกันยังได้ออกบูธพิเศษจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ในงานเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ที่ศูนย์การค้าต่างๆ เปิดตัวรสชาติใหม่ ไส้เม็ดบัวขาวไข่เค็มลาวา เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,292
วันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน พ.ศ. 2560
เรียกว่าคึกคักเร็วกว่าทุกปีกับ “เทศกาลไหว้พระจันทร์” ในเมืองไทย ซึ่งเป็นอีกซีซันนัลที่ผู้ประกอบการหยิบมาใช้เป็นอีเวนต์ในการดันยอดขาย ปัจจุบันตลาดขนมไหว้พระจันทร์ (Moon Cake) ซึ่งมีมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท มีการเติบโต 7% ตามตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีผู้ประกอบการทั้งไทย-เทศต่างให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดเป็นจำนวนมาก
โดยนายบัญชา พจชมานะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีล่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารจีนและขนมไหว้พระจันทร์ “เชียงการีล่า” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวหรือเติบโตราว 5% จากปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้ตลาดเติบโตมาจากสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น
[caption id="attachment_96094" align="aligncenter" width="335"]
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีลา จำกัด[/caption]
“ขณะนี้มีออร์เดอร์สั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์จากหน่วยงานองค์กรต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยรวมมองว่ายอดขายและภาพรวมตลาดน่าจะเติบโตใกล้กับปีก่อน ขณะที่การแข่งขันในตลาดนั้นน่าจะค่อนข้างรุนแรงจากการที่มีอินเตอร์แบรนด์เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น ส่วนการเลือกซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นนิยมเลือกซื้อขนมไหว้พระจันทร์จากช่องทางร้านค้าและภัตตาคารมากที่สุด นอกเหนือจากร้านค้าในโรงแรม และเบเกอรี่ทั่วไป”
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้บริษัทจับมือกับพันธมิตรในการขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังช่องทางดีลิเวอรี เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าพร้อมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจมากขึ้น โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจารวมกับพันธมิตรแต่ละราย นอกจากนี้ยังได้เตรียมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยการขยายจุดจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ในห้างสรรพสินค้าต่างๆในช่วงเวลา 10 วันก่อนจะถึงช่วงวันไหว้พระจันทร์ ควบคู่กับการเปิดตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่สีแดงสวยทรงสี่เหลี่ยมขนาดบรรจุ 4 ชิ้น และทรงกระบอก ขนาดบรรจุ 2 ชิ้น ออกมาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อหาตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ดีบริษัทได้ปรับราคาขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นเฉลี่ย 4 บาทต่อชิ้น เนื่องมาจากราคาวัตถุดิบหลายอย่างที่มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100-120 บาทต่อชิ้น โดยบริษัทวางเป้าหมายที่จะมียอดขายใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเติบโตขึ้น 1-2%
“บริษัทเตรียมขยายจุดจำหน่ายในรูปแบบคีออส ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งไม่ได้หวังยอดขายมากนัก และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะเปิดคีออสได้กี่จุด ที่ใดบ้าง”
ด้านนายกำธร ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงินบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทเพิ่มรูปแบบการทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ โดยมีขนมไหว้พระจันทร์ให้เลือกซื้อ 17 ไส้ มี 3 ไส้ใหม่ได้แก่ มะม่วง,ชาอู่หลง และหมอนทองเจ รวมทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่แฟมิลี่มาร์ท ทุกสาขาทั่วประเทศ และมีไส้มะม่วงที่วางจำหน่ายเฉพาะแฟมิลี่มาร์ทเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้ปีนี้มีการปรับราคาขึ้นราว 10% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายขนมไหว้พระจันทร์ราว 70% ของยอดขายทั้งปี ขณะที่เอสแอนด์พียังเป็นผู้นำตลาดโดยมีส่วนแบ่งกว่า 50%
ล่าสุดบริษัทจึงจับมือกับเอสแอนด์พีในการพัฒนาขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วง เพื่อวางจำหน่ายในเฉพาะร้านแฟมิลี่มาร์ท ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าพร้อมกับเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเจน Gen Y มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบดีลิเวอรีผ่านโก ไบค์ และเคอรี่ฯ อีกด้วย
แผนการทำตลาดในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ บริษัทให้ความสำคัญกับสื่อสารทางการตลาดในช่วงนี้ไปยังกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกันนี้ยังได้มีการสร้างการรับรู้ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fly Me To TheMoon” ผ่านความสดใสของน้องมะม่วง หรือมะม่วงจัง เด็กผู้หญิงน่ารักสไตล์ Fresh Fun และ Friendly คาแรกเตอร์ฝีมือคนไทยที่ดังไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น เป็นสื่อกลางในการสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Y พร้อมสร้างการรับรู้ของเทรนด์ใหม่ว่าปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์สามารถนำมาเป็นอาหารว่างในทุกโอกาส ไม่เฉพาะในช่วงพิธีการไหว้พระจันทร์เท่านั้น โดยบริษัทวางเป้าหมายยอดขายขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ไม่ตํ่ากว่า 1 แสนชิ้น หรือสามารถผลักดันยอดขายขนมไหว้พระจันทร์ในช่วงเทศกาลของร้านให้เติบโตได้ที่ 171%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,292
วันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน พ.ศ. 2560