“5 วิธี” จับสังเกตสัญญาณเสี่ยง “รถผิดปกติ”

02 ก.ย. 2560 | 11:41 น.
“รถยนต์” เป็นพาหนะที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต ดังนั้น เจ้าของจำเป็นที่จะต้องดูแลตามสมควร เพื่่อการขับขี่เต็มสมรรถนะ ความปลอดภัย และยืดอายุการใช้งาน ขณะเดียวกัน รถยนต์จะมีสัญญาณแจ้งเช่นกันว่า “ฉันต้องการการดูแล” โดย บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ได้เผยเคล็ดลับจับสังเกตความผิดปกติของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน

1.สัญญาณไฟต่าง ๆ ที่ขึ้นเตือนบนหน้าปัดรถยนต์เมื่อสตาร์ตรถ เช่น ไฟเตือนสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี เป็นต้น การที่มีสัญญาณไฟที่ผิดปกติ ไม่เคยขึ้นแสดงบนหน้าปัดรถ นั้น ย่อมเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่างแล้ว โดยปกติ สัญญาณไฟต่าง ๆ จะติดขึ้นเพื่อบอกข้อมูลที่สำคัญที่เกี่ยวกับการทำงานของรถยนต์ และควรดับลงหลังสตาร์ตรถเรียบร้อย ดังนั้น หลักในการสังเกตง่าย ๆ คือ “หากมีสัญญาณไฟเตือนติดขึ้นในระหว่างขับขี่” นั่นอาจแสดงถึงความผิดปกติของรถยนต์นั่นเอง

2.ใช้เวลาในการสตาร์ตรถยนต์นานกว่าปกติ โดยปกติหลังจากบิดกุญแจ หรือ กดปุ่มสตาร์ต เพื่อเริ่มการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว ควรจะใช้เวลาติดเครื่องไม่นาน แต่รถที่มีอายุการใช้งานยาวนานและขาดการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น จอดทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้สตาร์ตหรือขั้วแบตเตอรีเสื่อมสภาพ อาจส่งผลให้กระแสไฟในรถจ่ายได้ไม่ทั่วถึง ทำให้สตาร์ตติดยาก “หากรถยนต์เริ่มใช้เวลาสตาร์ตเครื่องยนต์นานกว่าปกติ หรือ มีอาการต้องสตาร์ตซ้ำ ๆ” นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า แบตเตอรีเริ่มเสื่อม ดังนั้น จึงควรเช็กและเปลี่ยนแบตเตอรีตามระยะเวลาที่กำหนด

25877

3.เสียงดังผิดปกติในรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน “หากมีเสียงดังผิดปกติจากที่เคย” เช่น เสียงดังผิดปกติขณะเหยียบเบรก ที่อาจเป็นเพราะผ้าเบรกใกล้หมดอายุการใช้งาน หรือ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังผิดปกติ จนได้ยินชัดเจนจากห้องโดยสาร ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของเครื่องยนต์ หรือ มีสิ่งสกปรกสะสมในเครื่องยนต์ ให้รีบนำรถเข้ารับการตรวจเช็กจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมโดยด่วน

4.อาการรั่วซึมของของเหลวต่าง ๆ ในกรณีของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน อาจต้องสังเกตอาการผิดปกติใกล้ชิดมากขึ้นสักหน่อย เช่น หมั่นตรวจสอบของเหลว เช่น น้ำมันเบรก หรือ น้ำยาหล่อเย็น อยู่เป็นระยะว่า มีการรั่วซึมหรือไม่ “หากสังเกตเห็นปริมาณของของเหลวลดลงเร็วผิดปกติ” หรือ มีรอยน้ำมันหยดเป็นทาง อาจเป็นสัญญาณฟ้องว่า มีการรั่วซึมของของเหลวเกิดขึ้น ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมสภาพตามการใช้งานของท่อ หรือ ข้อยางต่าง ๆ จึงควรหมั่นตรวจเช็กระดับของเหลวต่าง ๆ เป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ต่อไป

5.มีควันออกจากท่อไอเสีย รถยนต์เมื่อใช้ไปนาน ๆ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล อาจมีควันสีขาวหรือสีดำออกมาจากท่อไอเสีย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่มีน้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ เพราะการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ เช่น ลูกสูบ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ในรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน “หากพบว่า รถยนต์มีควันออกจากท่อไอเสียเป็นปริมาณมาก” จนสังเกตได้ในขณะติดเครื่องยนต์อยู่ ควรรีบนำรถยนต์คู่ใจเข้ารับการตรวจเช็กจากช่างผู้เชี่ยวชาญทันที นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยแล้ว ยังเพื่อลดมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์อีกด้วย
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,292 วันที่ 31 ส.ค. - 2 ก.ย. 2560

e-book