เปลี่ยนตัวเปลี่ยนหน้า ได้ "กลินน์ ทาวน์เซนต์ เดวีส์" มาเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย คนใหม่ ก็หวังกันว่าบรรยากาศ "มาคุ"ไทย-สหรัฐฯ ในระยะหลัง ๆ จะเพลา ๆ ลง ผลปรากฏออกมาแล้ว ว่าไม่ใช่
แถมยังมาแรง ชนิดเจ้าของตำแหน่ง "แสนแสบ" คนก่อน ไม่ว่าจะเป็น "คริสตี้ เคนนีย์" อดีตเอกอัครราชทูตมะกันประจำกรุงเทพฯ คนก่อน หรือแพทริค เมอร์ฟี่ อุปทูตที่อยู่โยงรักษาการในไทยนานเดือน ที่ก็ "แสบสัน" ยังถูกทิ้งห่างกระจุย
เพราะแค่ 9 สัปดาห์นับแต่เข้ามาทำงาน "เดวีส์" ก็เร่งเครื่องโผล่พรวดคว้าแชมป์ "แสบสะท้าน"ไปครองเรียบร้อยแล้ว
โดยเฉพาะที่แสบล่าสุด คำกล่าวกลางเวทีเสวนาสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ(เอฟซีซีที) วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมไทย บอก"กังวลที่ศาลทหารพิพากษาจำคุกพลเรือน ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพยาวนานเกินไป อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน"
พระพุทธอิสระ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร และประชาชนกลุ่มหนึ่ง นัดเดินทางไปประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ทันที ว่าแสดงความเห็นที่ก้าวก่ายกิจการภายในของไทย พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องทูตสหรัฐฯให้เข้าใจวัฒนธรรมไทย
และให้หยุดการแสดงออกที่แทรกแซงการเมือง การปกครอง และสถาบันของประเทศไทย เพื่อความสัมพันธ์อันดีมีทีมายาวนานของ 2 ประเทศ
ที่จริงการแสดงออกของ "เดวีส์"มิใช่เรื่องแปลก ตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้ารับหน้าที่ก็ยังย้ำข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่มีต่อประเทศไทยและรัฐบาลทหารของไทยมาต่อเนื่อง
ท่องอยู่ 2 คำคือ ให้เร่งจัดการเลือกตั้งกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดกว้างการแสดงออกอย่างเสรี ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
เป็นประโยคเดียวกับที่ "คริสตี้ เคนนีย์" และ "แพทริค เมอร์ฟี"ท่องทุกครั้งที่มีโอกาสมาก่อนหน้า ขณะสายสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ อักเสบเป็นแผลใจที่ระบมขึ้นทุกขณะ
กับ "ทูตคนใหม่" คนไทยก็เริ่มรับรู้ "ความแสบ" นับแต่วันแรกที่เข้าพบ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งกลับจากร่วมประชุมสุดยอดผู้นำที่สหประชาชาติ เมื่อปลายตุลาคม
นอกจาก "คาถา 2 ข้อ" ที่ย้ำว่าแล้ว ยังบอกว่างานที่จะทำในเมืองไทย คือออกไปพบปะประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในต่างจังหวัด
รู้ทั้งรู้ ว่าปฏิบัติการ"เดินสายพบปะประชาชน"ของทูตสหรัฐฯ คนก่อน ที่ลงไปคลุกในพื้นที่ฐานมวลชนคนเสื้อแดงอย่างออกหน้า เป็นหนามที่ยังตำใจคนไทยไม่หาย
ว่านี่เป็นหน้าที่ทางการทูต หรือการยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องในบ้านคนอื่น
ที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะวันนั้น “เดวีส์” ก็บอกไว้แล้วด้วย ว่าแนวคิดของสหรัฐฯ ที่มีต่อประชาธิปไตยไทยไม่เคยเปลี่ยน และยังไม่เปลี่ยนจนถึงวันนี้ ?!?
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,109
วันที่ 29 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558