“Thailand is the land of opportunity” ประโยคเริ่มต้นบทสนทนาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างของ มร.กอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด บริษัทในเครือของ “เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ” ที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศเยอรมนีและก้าวสู่การเป็นบริษัทจัดงานแสดงสินค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก
ลักษณะนิสัยส่วนตัวที่ชื่นชอบความท้าทายและตื่นตัวกับเรื่องราวแปลกใหม่อยู่เสมอ รวมถึงหลงใหลในงานอีเวนต์และงานจัดแสดงหลากรูปแบบตั้งแต่ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย มร.กอร์นอท จึงตัดสินใจเข้าร่วมงานใน เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2529 และจากนั้นเป็นต้นมา เขาไม่เคยเลิกล้มความตั้งใจ มุ่งพัฒนางานจัดแสดงสินค้าที่ได้รับมอบหมายให้ดีขึ้นในทุกๆ ปี และจุดเริ่มต้นของการได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานใหญ่กับการย้ายมาประจำการในฐานะผู้จัดการทั่วไป ณ สำนักงาน เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2538 ผลงานการวางรากฐานความเชื่อมั่นและการสานสัมพันธ์สร้างธุรกิจของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ ให้เป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค เป็นผลให้ในปี 2543 มร.กอร์นอท ริงลิ่ง ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด หนึ่งใน Top 5 คณะผู้บริหารระดับสูงของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ กรุ๊ป
“เพราะจุดเด่นของประเทศไทยคือ “คุณภาพของประชากร” ที่มีทักษะทางภาษาที่ดีรวมถึงระบบการบริหารจัดการที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาจัดงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นการมีพื้นที่จัดแสดงสินค้าที่สามารถตอบโจทย์รูปแบบและขนาดของงานได้อย่างหลากหลาย รวมถึงระบบคมนาคมขนส่งที่ดีทำให้ประเทศไทยไม่เพียงเป็นต่อด้านชัยภูมิที่ตั้งของประเทศแต่ยังมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ในภูมิภาคได้อย่างไร้ที่ติ”
การตัดสินใจเลือกและปักหมุดให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่จัดแสดงสินค้าสำคัญระดับภูมิภาคของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ โดยเนื้อแท้แล้วไม่ต่างจากการมองเห็นช่องทางโอกาสสำคัญในฐานะ “ตลาด” ของภูมิภาค ดังที่เคยปรากฏมาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่เปลี่ยนบริบทจากการเคลื่อนย้ายและขนส่งสินค้าทางเรือ มาเป็นการนำองค์ความรู้ผ่านสินค้าและบุคลากรนำเสนอในงานแสดงสินค้าที่ดึงดูดผู้สนใจจากประเทศใกล้เคียงให้มาสัมผัสผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในแต่ละปีพร้อมๆ กัน
[caption id="attachment_199507" align="aligncenter" width="503"]
มร.กอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด[/caption]
เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เรายกระดับให้งานจัดแสดงสินค้าเป็นมากกว่าเวทีนำเสนอผลิตภัณฑ์แต่คือการสร้างความร่วมมือ และการสร้างเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นทุกกิจกรรมที่ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย รังสรรค์ขึ้นตั้งแต่การวางแผนการประชาสัมพันธ์ การจัดสัมมนาภายในงาน และการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับผู้ร่วมงานทุกคน”
ความตั้งใจพัฒนางานจัดแสดงสินค้าให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการในระดับภูมิภาคได้อย่างตรงจุดผ่านการประยุกต์เทคโนโลยี นวัตกรรม โซลูชัน และความชำนาญใหม่ๆ ที่ผสานการยอมรับจากผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพ ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าในระดับภูมิภาค ด้วยการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติถึง 4 งานด้วยกัน เริ่มต้นจาก งาน Medical Fair Thailand 2017 ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 8 และนับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญกับการยกระดับคุณภาพของงานในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การขยายพื้นที่การจัดงานเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงานที่แสดงความจำนงมาแล้วกว่า 800 บริษัท จาก 60 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการยกขบวนสินค้าและการบริการทางการแพทย์รูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อนมาให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงนวัตกรรมการรักษาและการดูแลสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก
“การได้สัมผัสการจัดงานโดยตรงตั้งแต่กระบวนการแรก งาน Medical Fair ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จสูงสุดของการวางรากฐานการจัดงานอย่างมีคุณภาพของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จากการจัดงานในปีแรกที่ผู้จัดแสดงส่วนใหญ่มาจากประเทศในสหภาพยุโรป แคนาดา อินเดีย รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ และยังไม่มีลูกค้ามากนัก วันนี้เราสามารถพัฒนาจนงาน Medical Fair ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค มีผู้จัดแสดงจากทวีปเอเชียอย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการมีผู้สนใจเข้าร่วมงานที่เดินทางมาจากประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่อยู่ในแวดวงทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพเข้าร่วมงานมากกว่า 10,000 คน นับเป็นการจัดงานครั้งใหญ่ที่สุดที่เราจัดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
นอกจากนั้นภายในเดือนเดียวกันยังมีงานแสดงสินค้าแห่งปีโดย เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย อีกถึง 3 งาน คือ งานแพ็ค พริ้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล, งานไวเออร์ แอนด์ ทูป เซาธ์อีสต์เอเชีย และงาน T-PLAS หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดในระดับภูมิภาค ทั้งยังเป็นต้นแบบสำคัญสำหรับการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในประเทศไทยต่อไป
“นิยามความสำเร็จของผมไม่ใช่เพียงแค่เราสามารถเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้าได้ในทุกปี สามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่เราสามารถสร้างให้ทีมงานของเราทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข และที่สำคัญคือเมื่อผู้ร่วมจัดแสดงสินค้า (exhibitor) เดินมาบอกกับเราว่า “งานนี้เยี่ยมมาก และเราจะกลับมาอีกในปีหน้า” นี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่าเป็นความสำเร็จของการจัดงานจริง”
มากกว่า 22 ปี ในการย้ายจากประเทศบ้านเกิดมาทำงานในทวีปเอเชีย ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งภาษา วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต ทำให้ มร.กอร์นอท สนุกกับการเรียนรู้ที่จะใช้ความแตกต่างมาปรับเข้ากับธุรกิจ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในแต่ละประเทศ วันนี้นักธุรกิจอารมณ์ดีท่านนี้ไม่เพียงสนุกกับการเดินทางเพื่อผนึกความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ยังรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้ทานอาหารรสชาติใหม่ๆ อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ รวมถึงการได้ท่องเที่ยวไปในดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพราะความก้าวหน้าของธุรกิจคือการเปิดประตูต้อนรับโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ วันนี้ภารกิจของ มร.กอร์นอท ริงลิ่ง จึงไม่หยุดอยู่เพียงแค่การเสาะแสวงหานวัตกรรมและพันธมิตรใหม่ๆ แต่คือการทำให้งานแสดงสินค้าเป็น “ประตูแห่งโอกาส” ของทุกคนในทุกๆ กลุ่มอาชีพอย่างแท้จริง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,291 วันที่ 27 - 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560