น้ำเมาปรับยุทธศาสตร์รับพ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่ดีเดย์16กันยา

21 ส.ค. 2560 | 08:49 น.
นับถอยหลังสู่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิตพ.ศ. 2560 ฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายนนี้ เหลือเวลาอีกเพียง 30 วันเท่านั้นที่เหล่าคอทองแดงในบ้านเราจะได้ลุ้นกันว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลุ่มไหนจะขยับราคาอย่างไร

สาระสำคัญของภาษีสุราภายใต้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 นี้มุ่งเน้นการจัดระบบสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตและลดความเหลื่อมลํ้าในการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบการ สาระสำคัญและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ประกอบไปด้วย 1.ฐานในการคำนวณภาษีด้านราคา จากเดิมคิดตามราคาขายส่งช่วงสุดท้าย เป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายแก่ผู้บริโภคทั่วไปในตลาดปกติ 2.อัตราภาษีที่เรียกเก็บ ยังคงเป็น 2 อัตรา แต่เปลี่ยนจากการเน้นเก็บตามมูลค่าสินค้า เป็นเน้นการจัดเก็บตามปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อการพัฒนาคุณภาพสุราและควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีสูงและส่งผลต่อสุขภาพ 3.ใบอนุญาตขายสุรา จากเดิม 7ประเภท เหลือเพียง 2 ประเภท คือ ขายปลีกและขายส่ง เพื่อลดความซํ้าซ้อน 4.เพดานของอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ตลอดจนผลิตและนำเข้า เพิ่มขึ้น 10-25 เท่า และ 5.เพิ่มบทลงโทษสุราผิดกฎหมายเพื่อลดปัญหาสินค้าผิดกฎหมาย โดยสุราทุกชนิดที่นำเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรจะต้องมีหลักฐานการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวจากผู้ผลิตในต่างประเทศหรือผู้มีสิทธิ์ในตราสิทธิ์

[caption id="attachment_196706" align="aligncenter" width="335"] ธนากร คุปตจิตต์ ธนากร คุปตจิตต์[/caption]

**ลุ้นพ.ร.บ.ใหม่เป็นธรรม
นายธนากร คุปตจิตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย)จำกัดเปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีแบบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 16 กันยายนนี้ เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินรูปแบบหรือฐานราคาใหม่ที่จะมีการจำหน่ายได้ เนื่องจากต้องรออัตราการจัดเก็บจากภาครัฐในขั้นตอนสุดท้ายอีกระลอกหนึ่ง ซึ่งหากดูรูปการณ์แล้วอาจจะมีทั้งกลุ่มที่ปรับราคาขึ้นและลดราคาลง เพราะโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่เน้นรูปแบบการจัดเก็บที่เป็นธรรม โปร่งใส มากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาครัฐออกมาให้ความมั่นใจในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนถ่ายมาตั้งแต่แรก ว่าจะต้องมีความเป็นธรรมในการจัดเก็บ

“เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพอร์ตของบริษัทมีหลากหลายกลุ่มมากกว่า 20 แบรนด์ หากอัตราการจัดเก็บใหม่กระทบสินค้ารายการใดรายการหนึ่งก็ต้องมีการปรับเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบมากจนเกินไป ซึ่งบริษัทมีแผนสำรองว่าถ้าหากลดหรือเพิ่มจะมีการรองรับอย่างไรเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะตามมา”

**จ่อปรับแผนรับดีมานด์เพิ่ม
นายธนากร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีหลายแผนงานทั้งแผนการตลาดและกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อรองรับภาพรวมในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังพ.ร.บ.ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้หลังจากที่พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่มีผลบังคับใช้แน่นอนว่าหลายผู้ประกอบการในธุรกิจย่อมที่จะมีการปรับตัวเพื่อให้เหมาะสมกับการแข่งขันและให้สอดคล้องกับอัตราภาษีใหม่โดยที่ไม่เป็นการผลักภาระหรือส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ใช่สุราและไม่ใช่กลุ่มแอลกอฮอล์นำเข้าเริ่มที่จะมีการปรับสูตรหรือลดปริมาณดีกรีลงบ้างแล้วแต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเซ็กเมนต์ใด

ขณะที่ในส่วนของบริษัทเองก็มีแผนงานรองรับเช่นกันเพื่อป้องกันการผลักภาระให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งหากถามว่าในอนาคตการนำสินค้าในเครือเข้ามาทำตลาดในไทยจะเลือกนำเข้าแบบไหน ลดตามปริมาณหรือไม่คงต้องตอบว่าต้องรอให้เป็นเรื่องของอินโนเวชันจากบริษัทแม่อยู่แล้ว แต่เบื้องต้นยังบริษัทจะไม่มีการปรับสูตรเพื่อลดปริมาณดีกรีแน่นอนเนื่องจากดิอาจิโอถือเป็นบริษัทในระดับโกลบัลที่มีวิธีการปฏิบัติอย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันพอร์ตสินค้าของบริษัทมีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์อยู่ที่ตั้งแต่ 30-40 ดีกรีตามมาตรฐานกฎหมายอยู่แล้ว

MP34-3289-1A **ชี้ภาษีใหม่ส่งผลลบและบวก
ด้านภาพรวมการแข่งขันหลังการบังคับใช้ มองว่ามีทั้งในแง่บวกและลบที่อาจจะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด โดยในส่วนของปัจจัยบวกแน่นอนเชื่อมั่นว่า พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 นี้ จะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ภาคเอกชน ลดปัญหาสุราผิดกฎหมาย คือ สุราปลอมแปลงและลักลอบนำเข้า และลดปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตราย ด้วยอัตราภาษีที่กระทรวงการคลังกำหนดอัตราตํ่ากว่าสำหรับสุราที่มีปริมาณดีกรีตํ่ากว่าจึงกระทบต่อสุขอนามัยผู้บริโภคน้อยกว่า ขณะที่ในส่วนของปัจจัยลบที่ยังเป็นกังวลอยู่นั้นคือเรื่องของอัตราการจัดเก็บที่ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนและแน่นอนซึ่งต้องยอมรับว่าในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีการปรับเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตบ้างเล็กน้อยทุกช่วง 2-3ปีอยู่แล้วแต่เป็นการปรับขึ้นตลอดนั่นคือสิ่งที่ยังกังวลอยู่

อย่างไรก็ตามการแข่งขันหรือการทำตลาดตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา หลังการปฏิรูปภาษีใหม่รอบแรก ส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสุรานำเข้าหายไป 30% ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์หรือราคาในตลาดอย่างที่เห็นมา ซึ่งแต่ละแบรนด์มีการปรับกลยุทธ์เรื่องราคามากขึ้นผลกระทบก็ตกไปยังผู้บริโภคและหันไปดื่มเครื่องดื่มอื่นแทน หรือเลือกเครื่องดื่มราคาถูกแทน เช่น สุราหนีภาษี และสุราปลอม (ในยี่ห้อเดียวกัน)โดยปัจจุบันภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมืองไทยมีมูลค่า 3,088 ล้านลิตร แบ่งเป็น ในประเทศ 98.3% และนำเข้า 1.5% (ตัวเลขตั้งแต่ 1ต.ค.58-30 ก.ย.59) โดยกลุ่มสุราในประเทศโตขึ้นเล็กน้อยแต่สินค้าในกลุ่มเบียร์โตสูงที่สุดในตลาด ขณะที่ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมตลาดแอลกอฮอล์นำเข้าถดถอยลงทั้งในแง่ของปริมาณและมูลค่าเนื่องมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสุรานำเข้าลดลงและส่งผลกระทบมายังตลาดดังกล่าวอีกทอดหนึ่งด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,289 วันที่ 20 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560