6เดือนแรกส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์พุ่ง13.9%
นางอัชฌา ลิมป์ไพฑูรย์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปัจจุบันผู้ผลิตชิ้นส่วนแบ่งออกเป็นเทียร์ 1 ประมาณ 700 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งผู้ประกอบการที่เป็นคนไทย 100%, ผู้ประกอบการไทยที่จอยต์เวนเจอร์กับต่างประเทศ และผู้ประกอบการจากต่างประเทศ 100% ขณะที่เทียร์ 2 -3 มีจำนวนประมาณ 1,500-1,700 ราย
ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่าน และรัฐบาลสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนจะได้รับผลกระทบแน่นอนหากไม่มีการปรับตัว อย่างไรก็ดีค่ายรถบางแบรนด์มีการเริ่มต้นที่ไฮบริด ซึ่งเป็นรถยนต์ลูกผสม ทำให้เครื่องยนต์-ชิ้นส่วนแบบเดิมยังจำเป็นต้องใช้ประกอบกับการเปิดเออีซี การมีกลุ่มประเทศ CLMV ที่ใช้รถเครื่องยนต์แบบปกติยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ตรงจุดนี้ทำให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายไม่ได้กังวลใจ
“เรามองว่าผู้ประกอบการที่มีการเตรียมตัวมาดี มีการเตรียมความพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ก็จะได้รับผลกระทบน้อย แต่สำหรับใครที่ไม่เตรียมตัวก็จะกระทบแน่นอน เพียงแต่จะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งบางส่วนก็เริ่มมองหาแนวทางอื่น อาทิ หันไปผลิตเครื่องมือแพทย์ และศึกษาเรื่องชิ้นส่วนเครื่องบินหรืออากาศยาน”
สำหรับภาพรวมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยในช่วงที่ผ่านมา เฉพาะตลาดส่งออกมีการเติบโตประมาณ 14% สวนทางกับการส่งออกรถยนต์ที่ชะลอตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ ชิ้นส่วนที่ผลิตมีคุณภาพ, แรงงานฝีมือที่มีทักษะ ซึ่งชิ้นงานได้รับการยอมรับทั้งจากลูกค้าโออีเอ็มและอาร์อีเอ็ม โดยประเมินว่าหากทิศทางการเติบโตยังคงเป็นเหมือนช่วงที่ผ่านมา จะทำให้ยอดส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์รวมไปถึงอะไหล่ต่างๆมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ตามปกติการส่งออกชิ้นส่วนไปยังทั่วโลกจะโตประมาณ 4-5% แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาเราโต13.9% จนถึงสิ้นปีเราคาดว่ามูลค่าตลาดของการส่งออกชิ้นส่วนน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ และปีนี้มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนจะเข้ามาช่วยหนุนให้ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยให้ยังคงรักษาระดับ ทั้งนี้เพราะตัวเลขการส่งออกรถยนต์อยู่ในภาวะชะลอตัว”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,289 วันที่ 20 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่าน และรัฐบาลสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนจะได้รับผลกระทบแน่นอนหากไม่มีการปรับตัว อย่างไรก็ดีค่ายรถบางแบรนด์มีการเริ่มต้นที่ไฮบริด ซึ่งเป็นรถยนต์ลูกผสม ทำให้เครื่องยนต์-ชิ้นส่วนแบบเดิมยังจำเป็นต้องใช้ประกอบกับการเปิดเออีซี การมีกลุ่มประเทศ CLMV ที่ใช้รถเครื่องยนต์แบบปกติยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ตรงจุดนี้ทำให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายไม่ได้กังวลใจ
“เรามองว่าผู้ประกอบการที่มีการเตรียมตัวมาดี มีการเตรียมความพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ก็จะได้รับผลกระทบน้อย แต่สำหรับใครที่ไม่เตรียมตัวก็จะกระทบแน่นอน เพียงแต่จะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งบางส่วนก็เริ่มมองหาแนวทางอื่น อาทิ หันไปผลิตเครื่องมือแพทย์ และศึกษาเรื่องชิ้นส่วนเครื่องบินหรืออากาศยาน”
สำหรับภาพรวมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยในช่วงที่ผ่านมา เฉพาะตลาดส่งออกมีการเติบโตประมาณ 14% สวนทางกับการส่งออกรถยนต์ที่ชะลอตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ ชิ้นส่วนที่ผลิตมีคุณภาพ, แรงงานฝีมือที่มีทักษะ ซึ่งชิ้นงานได้รับการยอมรับทั้งจากลูกค้าโออีเอ็มและอาร์อีเอ็ม โดยประเมินว่าหากทิศทางการเติบโตยังคงเป็นเหมือนช่วงที่ผ่านมา จะทำให้ยอดส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์รวมไปถึงอะไหล่ต่างๆมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ตามปกติการส่งออกชิ้นส่วนไปยังทั่วโลกจะโตประมาณ 4-5% แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาเราโต13.9% จนถึงสิ้นปีเราคาดว่ามูลค่าตลาดของการส่งออกชิ้นส่วนน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ และปีนี้มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนจะเข้ามาช่วยหนุนให้ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยให้ยังคงรักษาระดับ ทั้งนี้เพราะตัวเลขการส่งออกรถยนต์อยู่ในภาวะชะลอตัว”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,289 วันที่ 20 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560