GEN3‘ไมค์กรุ๊ป’ เรียนรู้จากประสบการณ์คิดเองทำให้แข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน

19 ส.ค. 2560 | 00:10 น.
กว่า 30 ปีของการปักธงธุรกิจของไมค์ กรุ๊ป ในเมืองพัทยา วันนี้ต้นกล้าเจเนอเรชัน 3 “พาขวัญ เมฆะวรากุล” หรือ คุณเบลล์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารเคปดารา รีสอร์ท พัทยา รีสอร์ตระดับ 5 ดาวในเครือไมค์ กรุ๊ป ซึ่งเส้นทางที่ผ่านมาเต็มเปี่ยมไปด้วยการเรียนรู้งานมาตั้งแต่เด็ก

คุณเบลล์ เปิดใจว่า ด้วยความที่เราเติบโตมากับธุรกิจในเครือไมค์ กรุ๊ป ที่มีโรงแรมหลายแห่งในเมืองพัทยามาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำมาตั้งแต่รุ่นคุณย่า (สันตนา
เมฆะวรากุล) ทำให้เรารู้ตัวมาตลอดว่าต่อไปเราก็จะต้องมาช่วยดูแลธุรกิจนี้ต่อจากป๋า (สุรัตน์ เมฆะวรากุล) ตามประสาลูกเจ้าของโรงแรม จึงไม่แปลกที่ครอบครัวจะปูทางให้คุณเบลล์ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ทายาทยุคเจเนอเรชัน 3 เข้ามารับช่วงช่วยบริหารกิจการอยู่ในขณะนี้ ในฐานะผู้อำนวยการด้านอีเวนต์โรงแรมเคปดารา รีสอร์ท พัทยา

MP30-3288-1B คุณเบลล์ เล่าว่า เธอได้เริ่มเข้ามาคลุกคลีกับธุรกิจนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง เคปดารา พัทยา รีสอร์ท ระดับ 5 ดาวเมื่อ 7 ปีก่อน หลังจากครอบครัวได้ขยายธุรกิจจากโรงแรม 3 ดาวที่มีอยู่แล้วหลายแห่ง มาทำโรงแรม

ระดับ 5 ดาว ซึ่งตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมปลาย ณ โรงเรียนนานาชาติภาคตะวันออกอยู่เลย แต่ก็มีโอกาสเข้าไปประชุมฟังผู้ใหญ่คุยกันเรื่องแบบและดีไซน์ของโรงแรม
 ด้วยเหตุผลที่ว่าป๋า ต้องการให้ลูกๆทุกคนควรเข้าไปรับฟังด้วย เพื่อให้รับรู้ธุรกิจของครอบครัว ซึ่งก็เหมือนเป็นการซึมซับไปในตัว หรือแม้แต่การเลือกเรียน เธอก็เรียนด้านการบริหารโรงแรมและการท่องเที่ยว ในระดับปริญญาตรี จาก มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตอนนั้นเป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกในช่วงนั้น ตามคำแนะนำของทางบ้านที่อยากให้ลูกได้ในสิ่งที่ดีที่สุด

ครั้งพอเรียนจบได้มาช่วยงานที่บ้าน เมื่อช่วงปี 2556 ตำแหน่งที่คุณเบลล์ ได้รับมอบหมายให้ทำงาน คือ Management Trainee ที่ต้องไปฝึกงานบริหารในทุกแผนกของโรงแรมเคปดารา สิ่งที่เธอได้จากการทำงานในหน้าที่นี้ คุณเบลล์ มองว่าเป็นการเรียนรู้พื้นฐานทั้งหมดของธุรกิจโรงแรม และจากการที่เธอได้ทำงานร่วมกับพนักงานในแผนกต่างๆ ทำให้รู้เลยว่าพนักงานโรงแรมเหนื่อยมาก อย่างเราไปกินข้าว ห้องอาหารปิด 4 ทุ่ม แต่พนักงานกว่าจะกลับได้ต้องล้างช้อนล้างจาน ดูแลความเรียบร้อยให้เสร็จถึงกลับได้

หลังทำงานในตำแหน่งนี้มาร่วม 1 ปีครึ่ง ต่อมาป๋า มอบหมายให้ไปดูแลงานฝ่ายจัดเลี้ยง เพราะพนักงานจัดเลี้ยงมาเป็นทีมเวลาลาออกก็ออกเป็นทีม ซึ่งตอนนี้เบลล์ก็ไม่เคยรู้อะไรเรื่องนี้เลย แต่ก็รู้สึกว่าเป็นความท้าทายใหม่ ก็ทำทุกอย่างขึ้นกระเช้าไปทำฉาก เรียนรู้ทุกงานที่เกี่ยวกับการจัดเลี้ยงจนพอเราเรียนรู้งานด้านนี้หมดแล้ว ก็มาจับงานบริหารด้านอีเวนต์ ภาระหน้าที่นี้คุณเบลล์ รู้สึกว่าหนักกว่าที่คิด เพราะงานอีเวนต์ เราต้องใส่ใจในรายละเอียดที่รับมาจากลูกค้า และต้องไปประสานงานกับเกือบจะทุกแผนก เพื่อทำอีเวนต์ให้ได้ตรงความต้องการของลูกค้า ทำให้ลูกค้าชอบและประทับใจ

คุณเบลล์ เล่าด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจว่า ตอนแรกที่ลุยงานนี้ ยังไม่มีทีมชัดเจน มีแค่ทีมฝ่ายจัดเลี้ยง เบลล์ จึงมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง ดูว่างานส่วนใหนเกี่ยวข้องกับอีเวนต์บ้าง โดยมีการวาง Job Description สร้างให้ทีมงานมีการรับผิดชอบงานได้อย่างชัดเจน ระหว่างนั้นพองานเริ่มเข้าที่เข้าทาง เธอก็เริ่มเรียนต่อปริญญาโท MBA บริหารธุรกิจ ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ที่ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอก Entrepreneurship และการตลาด ทำให้เธอได้เรียนรู้หลักสูตรเกี่ยวข้องกับการดูแลจัดการตั้งแต่การออกแบบ วางระบบการบริหาร และบริหารกิจการใหม่ การดูแลและบริหารกิจการส่วนตัว ซึ่งพอเรียนจบเมื่อปีที่ผ่านมา ก็มานั่งบริหารงานด้านอีเวนต์เต็มตัว กับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านอีเวนต์ในปัจจุบัน

MP30-3288-2B กว่า 4 ปีกับการทำงานความที่อายุน้อย และเป็นเจ้าของธุรกิจด้วย มาทำงานก็ได้ตำแหน่ง บางคนก็แอบเหน็บว่า “ไม่ใช่เด็กจบใหม่ที่มารับตำแหน่งสูง” แต่สิ่งที่เราคิดคือการทำไงให้เขายอมรับเรา เราไม่ใช่ไปสั่งเขา ทำตัวเป็นบอส แต่เข้ามาฟังคำสอน เรียนรู้งาน เข้าไปช่วยทำให้งานออกมาดี ลูกน้องก็แฮปปี้ เรามองทุกคนเหมือนคนในครอบครัว และการทำงานที่เกิดขึ้น วันนี้เรารู้ตัวเลยว่าชอบงานโรงแรม ทำแล้วมีความสุข ไม่ใช่เพียงการต้องเข้ามานั่งทำงานเพราะเป็นธุรกิจของครอบครัวเท่านั้น

ด้วยความที่เรามีป๋ากับแม่เป็นไอดอล ก็อยากจะเก่งให้ได้สักครึ่งหนึ่งของท่าน แม้เราจะโตแล้วแต่เมื่อมีปัญหาเรื่องงานก็ยังต้องคุยกับป๋ากับแม่อยู่ แต่ฟีดแบ็ก คือ คำพูดที่ว่าหนูโตแล้ว ต้องคิดเอง มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน ป๋าบอกเราเสมอว่า “ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า แต่เหมือนญาติ พนักงานไม่ใช่ลูกจ้าง แต่เป็นพี่น้องของเรา”

เบลล์ก็ยึดในเรื่องนี้นำมาปรับใช้กับการทำงานทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ ด้วยการเอาใจใส่กับจุดเล็กๆน้อยๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกดี และทำให้พนักงานรู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัว ให้เขารู้สึกว่าปรึกษาได้ทุกเรื่อง ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันเป็นวัฒนธรรมที่มีอยู่แล้วกับพนักงานในโรงแรมระดับ 3 ดาวที่เราทำอยู่ ก็อยากจะนำวัฒนธรรมดีๆแบบนี้มาใช้กับการบริหารโรงแรมในระดับ 5 ดาวนี้ด้วย ทั้งเบลล์ ยังอยากวางดีเอ็นเอ ให้พนักงานมีความทันสมัย รู้จักเทคโนโลยี จะได้รู้จักเทรนด์ของโลก และเทรนด์ของลูกค้าในโลกยุคปัจจุบัน

อีกทั้งนับวันงานอีเวนต์ จะมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงแรม เบลล์เองก็มองว่าโลกเปลี่ยนไปการดึงอีเวนต์เข้ามาก็มองโอกาสในการเข้าไปเจาะลูกค้า งานที่มาจัดที่นี่แน่นอนปัจจุบันการสัมมนามีอยู่แล้ว แต่เราจะเน้นมากขึ้นคือเรื่องของเวดดิ้งจากตลาดต่างชาติ ซึ่งเทรนด์แต่งงานรอบโลก ฮันนีมูน พรีเวดดิ้งกำลังมาแรง ด้วยโลเกชันและแลนด์สเคปของโรงแรม ทำให้เราเป็นที่น่าสนใจสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ และจะเห็นว่ากลุ่มรีเทิร์นเกสต์ ก็มีมาก 
ทั้งยังเริ่มมองโอกาสที่จะขยายธุรกิจด้านเอาต์ไซด์ แคเตอริ่งเพิ่มเติมด้วย สิ่ง
เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่กำลังจะถูกขับเคลื่อนโดยคุณเบลล์ ในยุคเจน 3 แห่งตระกูลเมฆะวรากุล

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,288 วันที่ 17 -19 สิงหาคม พ.ศ. 2560