เร่งเคลียร์หนี้โกดังข้าว3พันล้านส่งไม้ต่อผอ.อคส.ใหม่

19 ส.ค. 2560 | 07:30 น.
จากที่พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ได้รับแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าหรือประธานบอร์ด อคส.เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ถูกคาดหวังจะมาสะสางความไม่โปร่งใสในองค์กรที่ถูกมองว่า 61 ปีของการก่อตั้ง อคส.ที่ผ่านมา ที่นี่เป็นแดนสนธยา และถูกใช้ในการหาประโยชน์จากนักการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย ล่าสุดคือการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่ต้องเร่งเคลียร์ปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วง

[caption id="attachment_194971" align="aligncenter" width="392"] พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง[/caption]

**เร่งสางหนี้ค่าเช่า3พันล.
“พล.ต.ท.ไกรบุญ” ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า อคส.ได้เร่งเคลียร์ภาระหนี้สินที่อคส.ค้างชำระให้กับคลังหรือโกดังเก็บข้าวที่ อคส.เช่าจากเอกชนเพื่อจัดเก็บข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ อคส.ได้เชิญคู่สัญญามาร่วมประชุมเพื่อชี้แจงขั้นตอนการจ่ายเงินและนำเอกสารมาเปรียบเทียบกับเอกสารของ อคส. มีคู่สัญญามาร่วม 150 ราย จากทั้งหมดประมาณ 700 ราย คิดเป็นวงเงินที่ อคส.ต้องสะสางประมาณ 3,000 ล้านบาท

“หลังจากนี้อคส.จะเร่งสรุปข้อมูลและจำนวนเงิน เสนอไปยังรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ให้ทันภายในเดือนสิงหาคมนี้เพื่อเสนอของบประมาณจากรัฐบาลนำมาชำระหนี้สิน ส่วนคู่สัญญาที่เหลือจะเชิญมาชี้แจงทำความเข้าใจและเปรียบเทียบเอกสารค้างจ่ายต่อไป”

**โปร่งใสขายข้าววีออร์แกนิก
ส่วนกรณีที่มีฝ่ายการเมืองจากพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายข้าวของรัฐบาลให้กับเอกชนที่จังหวัดกำแพงเพชร โดยอ้างว่ามีการทำสัญญาซื้อขายข้าวให้กับบริษัท วีออร์แกนิก จำกัด จำนวน 61,527 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 5.10 บาท(เป็นข้าวสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน) และบริษัทดังกล่าวได้นำข้าวขายทอดตลาดในราคากิโลกรัมละ 12 บาท สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 430 ล้านบาท และระบุว่าบริษัทดังกล่าวไม่มีตัวตนอยู่จริงนั้น

“อคส. ยืนยันว่าบริษัทวีออร์แกนิกฯ มีตัวตน และบริษัทมีหนังสือรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการเข้าร่วมประมูลข้าวในสต๊อกตามเงื่อนไข ทั้งนี้ยืนยันว่าทุกกระบวนการเป็นไปตามขั้นตอน มีความโปร่งใส และรัดกุม และยินดีให้เปิดกล้องวงจรปิดดูทุกกระบวนการขนย้ายข้าว”

ทั้งนี้ในกรณีดังกล่าวได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเดิมบริษัทจะขอขนย้ายข้าวไปไว้ที่โกดังก่อนจะขนย้ายมาที่บริษัท แต่อคส.และคณะกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีความเหมาะสมเพราะมีโรงสีตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จึงให้บริษัทขนย้ายข้าวจากต้นทางมายังปลายทางเลย เนื่องจาก อคส.เองก็ไม่ต้องการให้แวะพักข้าวที่โกดังเพราะสุ่มเสี่ยงต่อการรั่วไหลและทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของเอกชนเอง หลังจากมีการพูดคุยทางบริษัทเองก็เห็นด้วย ยืนยันว่าการทำงานทุกขั้นตอนของอคส.มีความชัดเจนโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

**ปฏิเสธทำสัญญาไป 3ราย
ขณะเดียวกันที่ผ่านมาอคส.ได้ลงพื้นที่แบบทีมบูรณาการ หากพบว่าพื้นที่ใดมีความไม่เหมาะสม ในการส่งมอบข้าว อคส.ก็จะให้ปรับเปลี่ยนวิธีการ เช่นต้องขนย้ายจากต้นทางไปปลายทางและในช่วงเวลาที่กำหนด ห้ามแวะพักสินค้าระหว่างทางเพื่อป้องกันการทุจริต เป็นต้น ถ้ารับเงื่อนไขได้ก็จะเซ็นสัญญาเพราะวิธีการปรับเปลี่ยนก็ไม่ได้ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด แต่ก็มีบางบริษัทที่รับเงื่อนไขไม่ได้ อคส.ก็ปฏิเสธที่จะเรียกมาทำสัญญาซึ่งมีอยู่ 2-3 ราย

“ไม่หนักใจกับการทำงานของอคส. แม้ว่าจะมีหลายฝ่ายคอยตรวจสอบอยู่ก็ตาม เพราะมั่นใจว่าอคส.ทำงานด้วยความโปร่งใส และชัดเจน เราทำงานอย่างตรงไปตรงมา วันนี้อคส. ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับใคร จะเห็นว่าไม่มีใครมาโจมตีผม”

**“อินทิรา”ว่าที่ผอ.ใหม่ อคส.
ส่วนความคืบหน้าการสรรหาผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ที่ล่าสุดคณะกรรมการสรรหาได้เสนอชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกคือ นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ (ผู้บริหารระดับสูง) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยให้บอร์ดพิจารณาให้ความเห็นชอบ และได้เสนอเรื่องไปยังนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาเพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.ต่อไป แต่ ณ เวลานี้ 11 ส.ค.60) เท่าที่ทราบยังไม่มีการเสนอชื่อเข้าครม. แต่คงเร็วๆ นี้

**พัฒนาคลังธนบุรีคืบ
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาคลังสินค้าธนบุรีของอคส. ซึ่งเป็นคลังสินค้าบนพื้นที่ 19 ไร่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูง หลังจากที่อคส.ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาโครงการและมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากชุมชนและต้องการให้มีการพัฒนาโครงการโดยเร็ว ซึ่งข้อเสนอแนะต่างๆไม่ว่าจะเป็นการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการต่างๆ อคส.จะให้ม.ธรรมศาสตร์รวบรวมเพื่อนำมาปรับปรุง ส่วนสรุปผลการเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 ยังไม่ได้รับรายงานจากทีมที่ปรึกษา น่าจะส่งรายงานกลับมาในเดือนนี้ และการรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นใน
เร็วๆ นี้ มั่นใจว่าจะสามารถคัดเลือกเอกชนที่เข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปลายปีนี้

“การพัฒนาคลังธนบุรีจะเน้นสินค้าที่เกี่ยวกับเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค จะมีการจัดพื้นที่เพื่อตั้งศูนย์เรียนรู้และนวัตกรรมด้านการเกษตร และจะแบ่งเป็นโซนๆ เช่น ร้านค้าโอท็อป ลานอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ และตลาดนัด แปลงสาธิตการเกษตร อาคารจอดรถ 7 ชั้น เป็นต้น คาดจะใช้งบลงทุนประมาณ 1,100 ล้านบาท ใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปี โดยให้เอกชนร่วมลงทุนภายใต้พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2556”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,288 วันที่ 17 -19 สิงหาคม พ.ศ. 2560