ครม.อนุมัติค่าเวนคืนสร้างทางคู่รถไฟฉะเชิงเทรา-แก่งคอย

15 ส.ค. 2560 | 13:21 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม (วันที่ 15 สิงหาคม 2560)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ณ ห้องราชดำเนิน กระทรวงคมนาคม โดยมี นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมการแถลงข่าวฯ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประชุมเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 โดยกระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติกรอบวงเงิน สำหรับงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณสถานีชุมทางแก่งคอย สถานีชุมทางบ้านภาชี และสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา โดยมีวงเงินเพิ่มขึ้นจากเดิม จำนวน 243.63 ล้านบาท (เดิมมีค่าทดแทนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 128.82 ล้านบาท) รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 372.45 ล้านบาท

rkom

โดยอยู่ภายใต้กรอบวงเงินเดิม ตามที่ ครม. อนุมัติเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 วงเงินโครงการรวม 11,348.35 ล้านบาท โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศหรือแหล่งเงินที่เหมาะสม รวมทั้งค้ำประกันเงินกู้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณประจำปีให้ รฟท. เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในการเสนอขออนุมัติการเพิ่มกรอบวงเงินดังกล่าว คค. ได้เสนอให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินได้ตามมาตรา 39 (4) แห่ง พ.ร.บ. การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 ซึ่งบัญญัติให้ รฟท. จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม. ก่อนจึงจะกู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินได้

สำหรับวงเงินค่าเวนคืนที่ดินและรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากวงเงินค่าเวนคืนที่ดินและรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างที่ คค. เสนอ ครม. พิจารณา เมื่อ พ.ศ. 2555 คำนวณโดยใช้ฐานจากราคาประเมิน พ.ศ. 2551 - 2554 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นได้วางหลักเกณฑ์การกำหนดราคาค่าทดแทน โดยนำราคาประเมิน พ.ศ. 2559 - 2562 มาพิจารณา และปรับเพิ่มค่าทดแทนตามสภาพทำเล เพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่แท้จริงและเป็นปัจจุบัน ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการฯ ได้รับค่าทดแทนที่เป็นธรรม

สอดคล้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 โดยคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นมีมติกำหนดค่าทดแทนที่ดิน อาคาร โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง และไม้ยืนต้น เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองทั้ง 3 แห่ง ดังนี้ ค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา จำนวน 221.71 ล้านบาท สถานีชุมทางแก่งคอย จำนวน 109.91 ล้านบาท สถานีชุมทางบ้านภาชี จำนวน 6.97 ล้านบาท เงินเผื่อเหลือเผื่อขาด ร้อยละ 10 จำนวน 33.86 ล้านบาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 372.45 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 และมีกำหนดสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2562

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ 21 - 22 สิงหาคม 2560 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยลงพื้นที่ตรวจแนวเส้นทางการก่อสร้างโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ตั้งแต่สถานีรถไฟกลางดง จนถึง สถานีรถไฟปางอโศก ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ซึ่งเป็นจุดจอดรถไฟความเร็วสูงฯ รวมทั้งตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น บริเวณสถานีรถไฟบ้านกระโดน ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดขนถ่ายสินค้า และตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุก (Truck Rest Area) สำหรับจอดพักรถบรรทุกได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น ในทางหลวงหมายเลข 2 ตอนนครราชสีมา - โนนสูง บริเวณสถานีตรวจสอบน้ำหนักโนนสูง (ขาออก) กม.ที่ 169+800 อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา