กรมพัฒน์เผยจดทะเบียนเดือน ก.ค เพิ่มขึ้น 22%

15 ส.ค. 2560 | 07:58 น.
กรมพัฒน์ เผยจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจัดตั้งใหม่ เดือน ก.ค เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อการจดทะเบียนจากการส่งเสริมและแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เป้าหมายจดทะเบียนทั้งปีอยู่ที่ 66,000 ราย

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดี bunjongjit กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจัดตั้งใหม่ทั้งประเทศ เดือนกรกฎาคม 2560 พบว่า มีจำนวนผู้ประกอบธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 5,979 ลดลง 546 ราย คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งมีจำนวน 6,525 ราย แต่เพิ่มขึ้น 1,060 ราย คิดเป็น 22% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 4,919 ราย ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกมีจำนวน 1,626 ราย เพิ่มขึ้น 78 ราย คิดเป็น 5% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งมีจำนวน 1,548 ราย เพิ่มขึ้น 221 ราย คิดเป็น 16% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 1,405 ราย

ทั้งนี้ ประเภทธุรกิจที่มีการประกอบธุรกิจใหม่สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 640 ราย รองลงมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 328 ราย ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 167 ราย ธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ จำนวน 164 ราย และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 129 ราย ขณะที่ มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ ในเดือนกรกฎาคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 21,258 ล้านบาท ลดลง จำนวน 19,658 ล้านบาท คิดเป็น 48% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งมีจำนวน 40,916 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจำนวน5,833 ล้านบาท คิดเป็น 38% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2559 ซึ่งมีจำนวน 15,425 ล้านบาท
ส่วนห้างหุ้นส่วนบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 ก.ค.60 มี จำนวน 1,402,233 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 21.45 ล้านล้านบาท โดยมีห้างหุ้นส่วนบริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 669,296 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 16.65 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น บริษัทจำกัด 487,730 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,175 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 180,391 ราย

อย่างไรก็ดี การจดทะเบียน 7 เดือนแรกของปี 2560 นี้ (มกราคม-กรกฎาคม) มีการจดทะเบียนธุรกิจจำนวน 41,921 ราย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกัน จำนวน 5,210 ราย คิดเป็น 14% สำหรับการจดทะเบียนเลิก 7 เดือนของปี 2560 (มกราคม-กรกฎาคม) มีจำนวน 8,107 ราย ลดลง จำนวน 132 ราย คิดเป็น 2 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกัน

ปัจจัยที่มีผลต่อการจดทะเบียนบริษัท เนื่องจากมาตรการทางด้านภาษีของรัฐบาล ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมาย และแรงขับเคลื่อนจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับการส่งออกที่เริ่มมีทิศทางการฟื้นตัวดีขึ้นและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น โดยเป็นผลดีและเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีเสถียรภาพ ส่วนคาดการณ์การจดทะเบียนทั้งปีก็ประเมินไว้อยู่ที่ 66,000 ราย น่าจะทำได้

สำหรับการให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นมา จนถึง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 149,127 คำขอโดยมีมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 2,790,663 ล้านบาท โดยแบ่งประเภททรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันได้ มีดังนี้ 1. สิทธิเรียกร้อง มูลค่าทั้งสิ้น 2,243,107 ล้านบาท คิดเป็น 80.38% แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร มูลค่า 1,677,911 ล้านบาท คิดเป็น 60.13% สิทธิการเช่า มูลค่า 86,080 ล้านบาท คิดเป็น 3.08% อื่นๆ เช่น ลูกหนี้การค้า มูลค่า 479,116 ล้านบาท คิดเป็น 17.17% 2. สังหาริมทรัพย์ มูลค่าทั้งสิ้น 545,581 ล้านบาท คิดเป็น 19.55% แบ่งเป็น สินค้าคงคลัง/วัตถุดิบ มูลค่า 282,634 ล้านบาท คิดเป็น 10.13% เครื่องจักร/รถยนต์/เรือ มูลค่า 262,947 ล้านบาท คิดเป็น 9.42% 3. ทรัพย์สินทางปัญญา มูลค่าทั้งสิ้น 1,975 ล้านบาท คิดเป็น 0.07% ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกใบอนุญาตผู้บังคับหลักประกัน จำนวน 393 ราย