ฐานโซไซตี : “ดร.กบ”... คนที่ “ยิ่งลักษณ์-นายใหญ่” ลืมไม่ลง

ฐานโซไซตี
โดย... ว.เชิงดอย

“ดร.กบ”... คนที่ “ยิ่งลักษณ์-นายใหญ่” ลืมไม่ลง

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เมื่อคํ่าวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อรายงานการทำงานของรัฐบาลเป็นการส่วนพระองค์ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกระแสรับสั่ง พระราชทาน 9 แนวทางปฏิบัติ โดยข้อ 7 ทรงรับสั่งในเรื่องการดูแลประชาชนให้ความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง ทรงขอว่า ให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ ให้มีหลักฐานที่ชัดเจน ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรม

สืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล

สืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม บอกว่าทางศาลยุติธรรมจะน้อมนำพระกระแสดังกล่าวด้วยการยึดมั่นในการพิจารณาพิพากษาคดีภายใต้หลักนิติธรรมให้เป็นไปอย่างเปิดเผยถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐานที่ชัดเจนและเหมาะสมแก่ประเภทคดี เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนผู้มีอรรถคดีได้รับความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่ายเสียค่าใช้จ่ายน้อย รวมทั้งการเสริมสร้างบทบาทของศาลยุติธรรมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

หันมาดูเรื่องที่อยู่ในความสนใจและประชาชนทั้งประเทศรอคอยฟังผลการตัดสิน นั่นคือ “คดีจำนำข้าว” ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิพากษาชี้ชะตา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ทางฝ่าย ยิ่งลักษณ์ แถลงปิดคดีด้วยวาจาไปแล้ว ทางฝ่ายโจทก์คือ “อัยการ” จะส่งคำแถลงปิดคดีด้วยลายลักษณ์ยื่นต่อศาลฎีกาฯ ภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ตามที่ศาลกำหนดไว้

สำหรับ ยิ่งลักษณ์ เจอข้อหาฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542 มาตรา 123/1 ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี เช่นเดียวกัน แต่ระวางโทษปรับสูงกว่า คือ 20,000-200,000 บาท

ยํ้ากันไว้ตรงนี้ว่า คดีของ ยิ่งลักษณ์ ในศาลฎีกานักการเมืองนั้น เป็นคนละส่วนกันกับมูลค่าความเสียหายทางแพ่ง ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ได้สรุปตัวเลขที่เกิดขึ้นคิดเป็น 20% ของความเสียหายทั้งหมดของโครงการ หรือคิดเป็นมูลค่า 35,700 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง ออกคำสั่งการบังคับคดีที่เป็นคำสั่งทางปกครองต่างหาก และเรื่องการเรียกให้ชดใช้ก็เป็นคดีอยู่ในศาลปกครอง ในส่วนของศาลฎีกานักการเมืองจะมีเฉพาะเรื่อง “ติดคุก-ไม่ติดคุก” เท่านั้น

อำพน กิตติอำพน

“ควันหลง” จากการไต่สวนคดีจำนำข้าว ฝ่าย ยิ่งลักษณ์ ได้บรรจุรายชื่อ “ดร.กบ-อำพน กิตติอำพน” อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอยู่ในบัญชีพยานฝ่ายจำเลย เพราะเป็นผู้ที่เข้าใจและรู้กระบวนการขั้นตอนเสนอเรื่องจำนำข้าวต่อที่ประชุม ครม.เป็นอย่างดี จึงหวังให้ไปให้ปากคำต่อศาล เพื่อประโยชน์แห่งคดีต่อฝ่ายยิ่งลักษณ์ แต่ในการไต่สวนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 จู่ๆ “ดร.กบ” ก็ไม่โผล่มาเป็นพยานให้ซะอย่างงั้น โดยอ้างว่ามีอาการป่วยกะทันหัน ด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และมีเลือดออกหลังการผ่าตัดทำบัลลูนหัวใจ ทางศาลจึงให้เลื่อนไต่สวนพยานปาก “ดร.กบ” ออกไป และแล้วในที่สุด “ดร.กบ” ก็โบกมือลา ไม่ได้มาเป็นพยานให้กับยิ่งลักษณ์ เรื่องนี้ทำให้ทั้ง “นายใหญ่” และ ยิ่งลักษณ์ จำ “ดร.กบ” ขึ้นใจ ชนิด “ลืมไม่ลง” และ “คิดถึงเสมอ” จนถึงทุกวันนี้

เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ

คณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอแต่งตั้ง เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นับว่าเป็นการจัดวางคนถูกที่ถูกทาง เหมาะสมกับการบริหารจัดการนํ้ายุคปัจจุบัน เพราะ เลิศวิโรจน์ เคยผ่านงานในตำแหน่งสำคัญๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น รองอธิบดีฝ่ายบริหาร กรมชลประทาน, รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทาน, ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม, รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และล่าสุดอยู่ในตำแหน่ง อธิบดีกรมชลประทาน