บลจ.บัวหลวงหนุนแนวคิดให้คนไทย “มีกิน มีใช้” ปันผลกองทุนหุ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางดอกเบี้ยต่ำ ชูทางเลือกลงทุนปีนี้ พร้อมปันผล "กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน" 15 ส.ค.นี้
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทพยายามประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้เห็นว่า ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำอยู่ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่มีรายได้ดอกเบี้ยจากการฝากเงิน หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้บางประเภทที่มีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากไม่มากนัก จะมีรายได้เพียงพอสำหรับการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่นำเสนอให้กับผู้ออม หรือนักลงทุน คือ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
[caption id="attachment_194300" align="aligncenter" width="336"]
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา[/caption]
กองทุนรวมประเภทนี้มีองค์ประกอบหลายๆ ด้าน เรื่องแรก หุ้นถือเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดี แต่ขณะเดียวกันก็มีความผันผวนของราคาสูงด้วย แต่กองทุนรวมก็ช่วยลดความเสี่ยงนั้นด้วยการกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพมาบริหารการลงทุนด้วยความระมัดระวัง
“ประการถัดมาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีควรเป็นการลงทุนระยะยาว แต่เนื่องจากในระหว่างทางนั้น ทุกคนก็มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ดังนั้น เงินปันผลที่ออกมาระหว่างที่ลงทุนก็ทำให้ผู้ลงทุนได้เงินนำมาใช้ระหว่างทาง”นายพีรพงศ์ กล่าว
กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน หรือ BCAP เป็นกองทุนล่าสุดในปีนี้ จ่ายเงินปันผลตามนโยบายของกองทุนที่ต้องการให้ผู้ถือหน่วยได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ BCAP จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.02585 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 15 สิงหาคมนี้
สำหรับปีนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ผู้ถือหน่วยของ BCAP ได้รับเงินปันผล ซึ่งถ้ารวมการจ่ายเงินปันผลทั้งสองครั้ง ผู้ถือหน่วยได้รับ 0.12901 บาทต่อหน่วยลงทุน
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปีที่แล้วถึงปีนี้ กองทุนบัวหลวงพยายามบริหารกองทุน โดยเน้นทำผลตอบแทนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถปันผลออกมา ตัวอย่างเช่น กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 หรือ BBASIC ตั้งแต่เปลี่ยนนโยบายการลงทุนมาเน้นหุ้นในธุรกิจปัจจัยสี่ เมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ผู้ถือหน่วยรับเงินปันผลรวม 5.25 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยปีนี้ปันผลออกมา 1.50 บาทต่อหน่วยลงทุน ทั้งนี้เมื่อคิดเป็นผลตอบแทนแล้ว ในหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถทำผลตอบแทนได้ 4.20% ต่อปี
อีกกองทุนหนึ่ง ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล หรือ BSIRICG ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2555 ถึงปัจจุบันจ่ายปันผลแล้วรวม 6.04 บาทต่อหน่วยลงทุน สำหรับปีนี้ก็ปันผลไปแล้ว 0.78 บาทต่อหน่วยลงทุน และผลตอบแทนย้อนหลังหนึ่งปีอยู่ที่ 7.08% ต่อปี
กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล หรือ BKD ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน จ่ายปันผลรวม 10.79 บาทต่อหน่วยลงทุน และปีนี้ปันผลแล้ว 0.518 บาทต่อหน่วยลงทุน มีผลตอบแทนย้อนหลังหนึ่งปีอยู่ที่ 6.93% ต่อปี
ส่วนกองทุนรวม BCAP ที่มีการประกาศจ่ายปันผลล่าสุด ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2539 จนถึงปัจจุบัน จ่ายปันผลออกมาแล้วรวม 15.99892202 บาทต่อหน่วยลงทุน และมีผลตอบแทนย้อนหลังหนึ่งปีอยู่ที่ 7.51%ต่อปี
"มั่นใจว่ากองทุนหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คนไทย “มีกิน มีใช้” ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ อีกทั้งยังเป็นการสานต่อภาระกิจที่จะให้ “ครอบครัวไทยมีความมั่นคงทางการเงิน” อีกด้วย"นายพีรพงศ์ กล่าว