บลจ.บัวหลวงชู 'กองหุ้นนโยบายปันผล' ทางเลือกลงทุนปีนี้

14 ส.ค. 2560 | 07:25 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บลจ.บัวหลวงหนุนแนวคิดให้คนไทย “มีกิน มีใช้” ปันผลกองทุนหุ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางดอกเบี้ยต่ำ ชูทางเลือกลงทุนปีนี้ พร้อมปันผล "กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน" 15 ส.ค.นี้

011image2 (1) นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทพยายามประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้เห็นว่า ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำอยู่ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่มีรายได้ดอกเบี้ยจากการฝากเงิน หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้บางประเภทที่มีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากไม่มากนัก จะมีรายได้เพียงพอสำหรับการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่นำเสนอให้กับผู้ออม หรือนักลงทุน คือ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

[caption id="attachment_194300" align="aligncenter" width="336"] นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา[/caption]

กองทุนรวมประเภทนี้มีองค์ประกอบหลายๆ ด้าน เรื่องแรก หุ้นถือเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดี แต่ขณะเดียวกันก็มีความผันผวนของราคาสูงด้วย แต่กองทุนรวมก็ช่วยลดความเสี่ยงนั้นด้วยการกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพมาบริหารการลงทุนด้วยความระมัดระวัง

“ประการถัดมาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีควรเป็นการลงทุนระยะยาว แต่เนื่องจากในระหว่างทางนั้น ทุกคนก็มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ดังนั้น เงินปันผลที่ออกมาระหว่างที่ลงทุนก็ทำให้ผู้ลงทุนได้เงินนำมาใช้ระหว่างทาง”นายพีรพงศ์ กล่าว

กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน หรือ BCAP เป็นกองทุนล่าสุดในปีนี้ จ่ายเงินปันผลตามนโยบายของกองทุนที่ต้องการให้ผู้ถือหน่วยได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ BCAP จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.02585 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 15 สิงหาคมนี้

สำหรับปีนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ผู้ถือหน่วยของ BCAP ได้รับเงินปันผล ซึ่งถ้ารวมการจ่ายเงินปันผลทั้งสองครั้ง ผู้ถือหน่วยได้รับ 0.12901 บาทต่อหน่วยลงทุน

นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปีที่แล้วถึงปีนี้ กองทุนบัวหลวงพยายามบริหารกองทุน โดยเน้นทำผลตอบแทนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถปันผลออกมา ตัวอย่างเช่น กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 หรือ BBASIC ตั้งแต่เปลี่ยนนโยบายการลงทุนมาเน้นหุ้นในธุรกิจปัจจัยสี่ เมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ผู้ถือหน่วยรับเงินปันผลรวม 5.25 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยปีนี้ปันผลออกมา 1.50 บาทต่อหน่วยลงทุน ทั้งนี้เมื่อคิดเป็นผลตอบแทนแล้ว ในหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถทำผลตอบแทนได้ 4.20% ต่อปี

อีกกองทุนหนึ่ง ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล หรือ BSIRICG ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2555 ถึงปัจจุบันจ่ายปันผลแล้วรวม 6.04 บาทต่อหน่วยลงทุน สำหรับปีนี้ก็ปันผลไปแล้ว 0.78 บาทต่อหน่วยลงทุน และผลตอบแทนย้อนหลังหนึ่งปีอยู่ที่ 7.08% ต่อปี

กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล หรือ BKD ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน จ่ายปันผลรวม 10.79 บาทต่อหน่วยลงทุน และปีนี้ปันผลแล้ว 0.518 บาทต่อหน่วยลงทุน มีผลตอบแทนย้อนหลังหนึ่งปีอยู่ที่ 6.93% ต่อปี

ส่วนกองทุนรวม BCAP ที่มีการประกาศจ่ายปันผลล่าสุด ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2539 จนถึงปัจจุบัน จ่ายปันผลออกมาแล้วรวม 15.99892202 บาทต่อหน่วยลงทุน และมีผลตอบแทนย้อนหลังหนึ่งปีอยู่ที่ 7.51%ต่อปี

"มั่นใจว่ากองทุนหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คนไทย “มีกิน มีใช้” ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ อีกทั้งยังเป็นการสานต่อภาระกิจที่จะให้ “ครอบครัวไทยมีความมั่นคงทางการเงิน” อีกด้วย"นายพีรพงศ์ กล่าว