‘เดอ ลามัว’ลุยตลาดสกินแคร์

15 ส.ค. 2560 | 03:10 น.
GIFT ลุยตลาดสกินแคร์ ส่งลาวิช แลบบอราทอรีปั้นแบรนด์ “เดอ ลามัว” ลุยตลาดสกินแคร์ หวังชนเคาน์เตอร์แบรนด์ ตั้งเป้า 5 ปีติดท็อป 10 ด้วยกลยุทธ์ปากต่อปาก

นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีสำหรับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เคมี ทำให้มองเห็นศักยภาพของวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ และการทำงานวิจัยร่วมกับบริษัทผู้ผลิต จึงต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพื่อจัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคคนไทยได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ประกอบบริษัทมีโรงงานผลิตซึ่งอยู่ในเครือบริษัท ที่ได้ลงทุนซื้อกิจการดังกล่าวเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และได้ทำการปรับไลน์การผลิตให้เหมาะสมกับการผลิตสกินแคร์ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท จึงถือว่ามีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบและกระบวนการผลิต

[caption id="attachment_193750" align="aligncenter" width="335"] พีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT พีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT[/caption]

“บริษัทได้ร่วมวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบกับบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบในประเทศฝรั่งเศส ทำให้ได้วัตถุดิบที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท ที่ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องผิวของคนไทยได้โดยเฉพาะ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ภายใต้แบรนด์เดอ ลามัว (DE L’AMOUR) ขึ้นมาโดยให้บริษัท ลาวิช แลบบอราทอรี จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย โดยวางโพสิชันนิงแบรนด์ให้เป็นสินค้าระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่ราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนวัตถุดิบและการผลิต โดยวางเป้าหมายว่าในระยะ 5 ปี จะติดอันดับ 10 ในกลุ่มเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ และติดอันดับ 5 ในอีก 10 ปีข้างหน้า”

ด้านนายฐณณ นิภารัตน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สินค้ากลุ่มแรกที่บริษัทเปิดตัวเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงและกันแดด มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,000-1,600 บาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักผู้มีอายุ 35-60 ปี ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองเป็นผู้ที่มีอายุ 25-35 ปี ซึ่งแผนการทำตลาดเบื้องต้นจะเน้นการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามสำนักงานต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้ใช้กลยุทธ์ปากต่อปากด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างให้กับบุคคลทั่วไป และกลุ่มเซเลบเพื่อให้เกิดการบอกต่อด้วย

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายในเบื้องต้น จัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์ของบริษัท โดยในช่วงปลายปีวางแผนการนำสินค้าเข้าจำหน่ายผ่านร้านบิวตี้ช็อปแห่งใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีบริษัทวางแผนเพิ่มรายการสินค้าใหม่อีก 3 รายการ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำ ความสะอาดและกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

“ในระยะแรกบริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง โดยให้ผู้บริโภคได้เกิดการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ จึงได้เตรียมสินค้าทดลองไว้แจกให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และจะเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนงบการตลาดคาดว่าจะใช้ไม่เกิน 10% ของยอดขาย”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560