ยื่นดาบ! กรุงไทย จัดการ EARTH

14 ส.ค. 2560 | 03:37 น.
เจ้าหนี้หุ้นกู้-บี/อี EARTH กว่า 8.4 พันล้านบาท มอบสิทธิ์เด็ดขาดให้แบงก์กรุงไทยจัดการ เอ็กซิมแบงก์ คาด 2 สัปดาห์ได้ข้อสรุป ผู้ตรวจสอบบัญชีแนะผู้บริหารเจรจาเจ้าหนี้ เหตุธุรกิจไม่ถึงทางตัน

รายงานข่าวจากเจ้าหนี้หุ้นกู้และเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้นของบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) ได้มอบอำนาจสิทธิขาดให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของบริษัท เอิร์ธฯ เป็นผู้มีสิทธิเด็ดขาดในการจัดการแก้ไขปัญหาของลูกหนี้รายนี้

บริษัทเอิร์ธฯ แจ้งตลาด หลักทรัพย์ฯว่า บริษัทมีเจ้าหนี้ในส่วนของหุ้นกู้ จำนวน 5,500 ล้านบาท เจ้าหนี้ตั๋วแลกเงิน 2,935 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น 938 ล้านบาท โดยเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงินนั้นสถาบันการเงินที่เป็นตัวกลางเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ บล.เคจีไอฯ บล.โนมูระฯ และ บล.เคทีบีฯ

ด้านท่าทีของเจ้าหนี้สถาบันการเงินล่าสุดมอบอำนาจให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารหลักในการเจรจากับผู้บริหารของบริษัทเอิร์ธฯ เนื่องจากมีมูลหนี้มากที่สุด

14972631829672

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อีกรายหนึ่ง ระบุว่า เจ้าหนี้สถาบันการเงิน จะหารือร่วมกันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เกี่ยวกับการดำเนินการหลังจากนี้ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้เสียที่เกิดจากบริษัทเอิร์ธฯ โดยศาลล้มลายกลาง จะนัดไต่สวนฟื้นฟูกิจการครั้งแรกวันที่ 18 กันยายน 2560 นี้

ธนาคารกรุงไทย เป็นเจ้าหนี้บริษัทเอิร์ธฯ จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 2,800 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำนวน 1,800 ล้านบาท และธสน. จำนวน 350 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้นจำนวน 2,900 ล้านบาท หนี้หุ้นกู้ 2 ชุด รวม 5,500 ล้านบาท ที่ผิดนัดชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว

สำหรับกรณีที่บริษัทเอิร์ธ จะขอเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการเองนั้น ธนาคารเจ้าหนี้ส่วนใหญ่เห็นว่าการดำเนินการลักษณะนี้ไม่เคยมีมาก่อน เพราะปกติจะเป็นเจ้าหนี้กับลูกหนี้ร่วมกันบริหารแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งเรื่องนี้หากธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ไม่เห็นด้วย คาดว่าเจ้าหนี้รายอื่นก็ไม่เห็นด้วย

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ธสน.ปล่อยกู้ให้กับบริษัทเอิร์ธ ในวงเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทเอิร์ธ ได้เบิกเงินไปแล้วกว่า 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขณะนี้ธนาคารได้หยุดการปล่อยกู้ และได้ตั้งสำรองหนี้ด้อยคุณภาพไว้แล้วทั้งจำนวน แม้ว่ายังไม่ถือเป็นหนี้เสีย เพราะไม่ได้ขาดชำระเกิน 3 เดือน แต่ธนาคารก็ได้ตั้งสำรองไว้ทั้งหมดแล้ว

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่าบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทเอิร์ธฯ คือบริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮาส์แอนด์คูเปอร์ส ได้แนะนำให้ผู้บริหารบริษัทเอิร์ธไปเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เพื่อหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น รวมไปถึงแนวทางในการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเจ้าหนี้พร้อมเจรจา

“ในแง่ของบิสซิเนส ถือว่า บริษัทเอิร์ธ ยังไปได้ ยังมีสินทรัพย์ ยังมีธุรกรรมการค้า ฐานลูกค้า แต่เกิดปัญหาช่วงสั้น ขาดสภาพคล่องชั่วคราวเท่านั้น”

ในสัปดาห์นี้จะถึงเส้นตายที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัทเอิร์ธ ชี้แจงมูลหนี้ 2.6 หมื่นล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 1.21 เท่าจากมูลหนี้ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อไตรมาสแรกของปี 2560 หากไม่ดำเนินการอาจจะถูกดำเนินคดีอาญาและแพ่ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560