'ทีจี' ให้ 'ภัทร' ดูแผนเพิ่มทุน! นกแอร์

13 ส.ค. 2560 | 11:40 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“จุฬางกูร” หนุนเต็มที่เพิ่มทุนรอบใหม่นกแอร์เคาะราคา 1.50 บาท ด้านบินไทย ยังแทงกั๊ก แต่รุกตั้งหลักทรัพย์ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ดูความเหมาะสมราคาและแผนฟื้นธุรกิจให้ชัดก่อนตัดสินใจ

บอร์ดนกแอร์มีมติเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2560 อย่างเป็นทางการถึงการเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม(Right Offering) รอบ2 ในสัดส่วน 1:1 หุ้นเดิมต่อหุ้นใหม่ ในราคา 1.50 บาทต่อหุ้น กำหนดให้จองซื้อและชำระค่าหุ้นได้ในวันที่ 16-20 ตุลาคม กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นวันที่ 28 กันยายน 2560

แหล่งข่าวระดับสูงจาก บริษัทนกแอร์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยตั้งเป้าว่าจะระดมทุนได้ราว 1,700 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจว่า ขณะนี้ทางกลุ่มจุฬางกูรที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักและที่ผ่านมาได้ทยอยซื้อหุ้นในตลาดเพิ่มเติม จนปัจจุบันถืออยู่ที่กว่า 40% ยืนยันว่าจะสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนรอบใหม่ดังกล่าว ขณะที่ในส่วนของการบินไทยซึ่งถือหุ้นอยู่ในนกแอร์ 21.5% นั้น ขณะนี้การบินไทย อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะพอเห็น ทิศทางในอีก 2 สัปดาห์นับจากนี้

เนื่องจากขณะนี้การบินไทยได้ว่าจ้างบริษัทหลักทรัพย์ภัทรฯ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ในรายละเอียดของการเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องราคา 1.50 บาทต่อหุ้นว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งคาดว่าทางบริษัทหลักทรพัย์ภัทรฯ จะศึกษาแล้วเสร็จในอีก 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังจะมีการพิจารณาถึงแผนTurnaround Plan หรือแผนพลิกฟื้นธุรกิจของนกแอร์ว่ามีทิศทางที่ดีจริงหรือไม่ด้วย และที่สำคัญยังต้องวิเคราะห์ถึงตำแหน่งและทิศทางของการบินไทยในนกแอร์ให้ชัดเจนก่อนหาข้อสรุปของแผนเพิ่มทุน เพราะฝ่ายบริหารจากการบินไทยที่อยู่ในบอร์ดนกแอร์ก็ยังมีความเห็นแตกต่างกัน

“การบินไทย ต้องหาจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะมองนกแอร์ เป็น Strategic Partner ที่จะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ไทยกรุ๊ปที่เคยวางไว้ว่าจะให้นกแอร์ เป็นตัวแข่งในธุรกิจโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส โดยมีศูนย์กลางการบินอยู่ที่สนามบินดอนเมือง หรือจะมองนกแอร์ ในแง่ของการลงทุนเท่านั้นเพราะวันนี้การบินไทยไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ และหากการขายหุ้นเพิ่มทุนรอบนี้ การบินไทย ยังตัดสินใจไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในรอบนี้อีกสัดส่วนการถือหุ้นของการบินไทยในนกแอร์ ก็จะลดลงไปอีก ซึ่งเรื่องนี้นกแอร์มองว่าไม่เป็นปัญหา เพราะทางกลุ่มจุฬางกูร พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว” แหล่งข่าวกล่าวและว่า

การเพิ่มทุนรอบใหม่ในครั้งนี้เป็นไปตามเสียงของกลุ่มจุฬางกูร ในฐานะผู้ถือใหญ่ ที่มองว่าเหมาะสมกว่าในเวลานี้ ดังนั้นการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP)ที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้จึงจะยังไม่ได้ดำเนินการ และเป็นเรื่องของอนาคต แต่การขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมครั้งนี้ เม็ดเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนนี้จะนำมาใช้เสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจของนกแอร์ ในระหว่างที่รอให้แผนพลิกฟื้นธุรกิจของนกแอร์ที่กำลังดำเนินการอยู่ ที่น่าจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 ซึ่งหลักๆมีทั้งการหยุดบินในเส้นทางขาดทุน การเจรจาการรับมอบเครื่องบินใหม่ 2-3 ลำ และการเพิ่มรายได้จากบริการเสริมต่างๆ อย่างการขายอาหารร้อนบนเครื่องบิน ขายสินค้าที่ระลึก ที่ต้องทำเหมือนที่สายการบินต้นทุนทั่วไป ที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงรายได้จากการขายตั๋วเครื่องบินเท่านั้น ซึ่งขณะนี้จะเห็นว่านกแอร์เริ่มมีการขายบริการเสริมเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับผลประกอบการของนกแอร์ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 นกแอร์ขาดทุนสุทธิ 649.69 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.785 บาท ลดลง 12.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 745.87 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.193 บาท ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากราคานํ้ามันอากาศยานที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 8.95 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 14.09% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ผล ประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 945.26 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.301 บาทลดลงจากงวดเดียวกันของ ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,151.70 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.843 บาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560