ดัน! 'ไทย' มหาอำนาจผลไม้โลก พาณิชย์ปลื้มส่งออกครึ่งปี 3.5หมื่นล.-บริโภคทุเรียนพุ่ง
พาณิชย์จับมือหอการค้าดันไทยขึ้นแท่นมหาอำนาจ ผลไม้โลกในปี 62 ตามบัญชา “ประยุทธ์”ชู 7 ผลไม้หัวหอก เน้นผลิตสอดคล้องความต้องการของตลาดกันราคาตก ด้านสศก.คาดผลผลิตปีนี้พุ่งกว่า 4 ล้านตัน ขณะส่งออกผลไม้ครึ่งปี 3.5 หมื่นล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ผลไม้ปี 2558-2562 เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลไม้ 7 ชนิด ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจหลักได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ และมะม่วง
ทั้งนี้ได้กำหนดไว้ 5 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.การบริหารจัดการผลผลิต ซึ่งจะมีทั้งการทำกลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 2. การบริหารจัดการตลาด ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ 3. การวิจัยและพัฒนา เช่น การพัฒนาคุณภาพผลผลิต เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว 4. การพัฒนาองค์กรและเกษตร เช่น สร้างความเข้มแข็งให้องค์กรและเกษตร โดยการตั้งเครือข่าย และ 5.การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ
“ในการประชุมร่วมกับหอการค้าไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้มีแผนยุทธศาสตร์เพื่อดูแลราคาผลไม้ไทยให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ประสบปัญหาราคาตกตํ่าโดยจะนำร่องใน 3 ผลไม้ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าวนํ้าหอมและมังคุด เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้น และเป็นตลาดที่ใหญ่ที่มีการส่งออกมาก”
โดยยุทธศาสตร์ดูแลราคาในระยะสั้นจะเน้นแก้ไขปัญหาข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องกันไม่ว่าจะเป็นปริมาณผลผลิตและคาดการณ์ในอนาคตเพื่อวางแผนรับมือผลผลิตอย่างถูกต้อง ตลอดจนเร่งจัดงานแสดงสินค้าผลไม้ หรือ Fruit Expo เพื่อแสดงศักยภาพผลไม้ไทย
ส่วนระยะยาวเน้นการยกระดับผลไม้ไทยโดยนำเทคโนโลยีมาช่วยแปรรูปเพื่อเพิ่มศักยภาพ รวมถึงการหาช่องทางจำหน่ายต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการจัดทำแผนด้านการตลาดรองรับผลผลิต รวมถึงการส่งออก ซึ่งกระทรวงได้มอบหมายให้คณะทำงาน 2 ฝ่าย คือ กรมการค้าภายใน และหอการค้าไทย ไปหารือกันในรายละเอียดเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนร่วมกันต่อไป คาดจะแล้วเสร็จก่อนเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อให้ทันต่อการรับมือปริมาณผลผลิตในปีหน้า เป้าหมายผลักดันให้ไทยขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านผลไม้ของโลก ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีภายในปี 2562
[caption id="attachment_193488" align="aligncenter" width="380"]
ดันไทยมหาอำนาจผลไม้โลกพาณิชย์ปลื้มส่งออกครึ่งปี3.5หมื่นล.-บริโภคทุเรียนพุ่ง[/caption]
ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)ได้คาดการณ์ผลผลิตผลไม้ไทยในปีนี้จะมีปริมาณกว่า 4.14 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% โดยในส่วนของผลไม้หลัก ได้แก่ ทุเรียน คาดจะมีผลผลิตรวม 5.9 แสนตัน เงาะ 2.38 แสนตัน มังคุด 2.05 แสนตัน ลำไย 9.71 แสนตัน ลิ้นจี่ 4.75 หมื่นตัน สับปะรด 2.04 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ 19, 31,11, 28, 45 และ 11% ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งของไทย ในปี 2559 มีมูลค่า รวม 5.44 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22%(ดูกราฟิกประกอบ) ส่วนช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าส่งออก 3.52 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยผลไม้สดที่มีการส่งออกมากสุด 5 อันดับแรกได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ และเงาะ มูลค่า 13,127, 9,417, 3,509, 134 และ 104 ล้านบาทตามลำดับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ผลไม้ปี 2558-2562 เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลไม้ 7 ชนิด ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจหลักได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ และมะม่วง
ทั้งนี้ได้กำหนดไว้ 5 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.การบริหารจัดการผลผลิต ซึ่งจะมีทั้งการทำกลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 2. การบริหารจัดการตลาด ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ 3. การวิจัยและพัฒนา เช่น การพัฒนาคุณภาพผลผลิต เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว 4. การพัฒนาองค์กรและเกษตร เช่น สร้างความเข้มแข็งให้องค์กรและเกษตร โดยการตั้งเครือข่าย และ 5.การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ
“ในการประชุมร่วมกับหอการค้าไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้มีแผนยุทธศาสตร์เพื่อดูแลราคาผลไม้ไทยให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ประสบปัญหาราคาตกตํ่าโดยจะนำร่องใน 3 ผลไม้ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าวนํ้าหอมและมังคุด เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้น และเป็นตลาดที่ใหญ่ที่มีการส่งออกมาก”
โดยยุทธศาสตร์ดูแลราคาในระยะสั้นจะเน้นแก้ไขปัญหาข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องกันไม่ว่าจะเป็นปริมาณผลผลิตและคาดการณ์ในอนาคตเพื่อวางแผนรับมือผลผลิตอย่างถูกต้อง ตลอดจนเร่งจัดงานแสดงสินค้าผลไม้ หรือ Fruit Expo เพื่อแสดงศักยภาพผลไม้ไทย
ส่วนระยะยาวเน้นการยกระดับผลไม้ไทยโดยนำเทคโนโลยีมาช่วยแปรรูปเพื่อเพิ่มศักยภาพ รวมถึงการหาช่องทางจำหน่ายต่างๆ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการจัดทำแผนด้านการตลาดรองรับผลผลิต รวมถึงการส่งออก ซึ่งกระทรวงได้มอบหมายให้คณะทำงาน 2 ฝ่าย คือ กรมการค้าภายใน และหอการค้าไทย ไปหารือกันในรายละเอียดเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนร่วมกันต่อไป คาดจะแล้วเสร็จก่อนเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อให้ทันต่อการรับมือปริมาณผลผลิตในปีหน้า เป้าหมายผลักดันให้ไทยขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านผลไม้ของโลก ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีภายในปี 2562
[caption id="attachment_193488" align="aligncenter" width="380"]
ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)ได้คาดการณ์ผลผลิตผลไม้ไทยในปีนี้จะมีปริมาณกว่า 4.14 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% โดยในส่วนของผลไม้หลัก ได้แก่ ทุเรียน คาดจะมีผลผลิตรวม 5.9 แสนตัน เงาะ 2.38 แสนตัน มังคุด 2.05 แสนตัน ลำไย 9.71 แสนตัน ลิ้นจี่ 4.75 หมื่นตัน สับปะรด 2.04 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ 19, 31,11, 28, 45 และ 11% ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งของไทย ในปี 2559 มีมูลค่า รวม 5.44 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22%(ดูกราฟิกประกอบ) ส่วนช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าส่งออก 3.52 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยผลไม้สดที่มีการส่งออกมากสุด 5 อันดับแรกได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ และเงาะ มูลค่า 13,127, 9,417, 3,509, 134 และ 104 ล้านบาทตามลำดับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560