ASIAN กำไรโตลุยแจกหุ้นปันผล มั่นใจครึ่งปีหลังโดดเด่น
ASIAN เผยไตรมาส 2 รายได้เติบโตกว่า 900 % เทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน หนุนครึ่งปีแรกผลงานดีเกินคาด โกยรายได้ 4,765 ล้านบาท โตเกือบ 20% ส่วนกำไร 200 ล้านบาท พุ่งเกือบ 900% ปัจจัยหลักจากการปรับกลยุทธ์ธุรกิจเน้นขายสินค้าที่มีกำไรดีในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและลดขนาดธุรกิจทูน่าที่มีความผันผวนสูง เชื่อครึ่งปีหลังผลประกอบการยิ่งโดดเด่นทั้งรายได้ กำไร
[caption id="attachment_193265" align="aligncenter" width="335"]
นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทิร์นดรอป[/caption]
นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทิร์นดรอป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานบริหารสายการเงิน บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯรับรองงบไตรมาส 2/2560 โดยมีรายได้ 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,985 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 15 % ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 918% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 6 เดือนแรกบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3,974 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 19.9% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 898% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (XM) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 และกำหนดให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 กันยายน 2560 ซึ่งหากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทิปันผลวันที 2 ตุลาคม 2560 การจ่ายปันผลเป็นหุ้นในครั้งนี้เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและให้ความเชื่อมั่นในบริษัทฯ รวมทั้งเพิ่มสภาพคล่องให้กับหลักทรัพย์ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ASIAN มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนและชำระแล้ว 361,820,468 หุ้น ภายหลังการจัดสรร จำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วจะเพิ่มเป็น 542,730,702 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2560 มั่นใจว่าสามารถมีรายได้ 10,500 ล้านบาท หรือเติบโตราว 14% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 9,206 ล้านบาท โดยปกติในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไฮซีซั่นคาดว่าปีนี้รายได้ กำไรงวดครึ่งปีหลัีงยังเติบโตต่อเนื่องและใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งอาหารแช่เยือกแข็ง ธุรกิจขายอาหารสัตว์ และธุรกิจขายอาหารสัตว์เลี้ยง มีทิศทางการขยายตัวที่ดี
“ไตรมาส 2/2560 ผลประกอบการยังคงแข็งแกร่ง โดยปกติช่วงครึ่งปีแรกเป็นช่วงโลว์ซีซั่นแต่ปีนี้ผลประกอบการดีตั้งแต่ไตรมาส 1 ต่อเนื่องไตรมาส 2 และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง รายได้ กำไร จะเติบโตอย่างโดดเด่น หากเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากผลการดำเนินงานบอร์ดได้มีมติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นและได้ศึกษาอย่างรอบด้านว่าจะเกิดผลดีต่อทุกฝ่ายรวมถึงสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากนี้ฝ่ายบริหารจะมุ่งมั่นขยายการเติบโตของธุรกิจ เน้นให้ความสำคัญและพัฒนาสินค้าให้อัตรากำไรในระดับที่น่าพอใจ โดยลำดับแรกคืออัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปี 60 ต้องอยู่ในระดับ 9.5% นอกจากนี้บริษัทเน้นระมัดระวังความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน โดยบริษัทฯเน้นปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในรายการที่ปรากฎบนงบการเงินทั้งหมด นอกเหนือจากส่วนที่ Natural Hedge โดยนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศบางส่วน" นายเฮ็นริคคัส กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/60 บริษัทฯ มียอดขาย 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักจากปริมาณการขายอาหารสัตว์และอาหารสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้งและหมึก ยอดขายเชิงปริมาณโดยรวมเพิ่มขึ้น 21%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
[caption id="attachment_193265" align="aligncenter" width="335"]
นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทิร์นดรอป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานบริหารสายการเงิน บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯรับรองงบไตรมาส 2/2560 โดยมีรายได้ 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,985 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 15 % ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 918% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 6 เดือนแรกบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3,974 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 19.9% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 898% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (XM) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 และกำหนดให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 กันยายน 2560 ซึ่งหากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทิปันผลวันที 2 ตุลาคม 2560 การจ่ายปันผลเป็นหุ้นในครั้งนี้เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและให้ความเชื่อมั่นในบริษัทฯ รวมทั้งเพิ่มสภาพคล่องให้กับหลักทรัพย์ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ASIAN มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนและชำระแล้ว 361,820,468 หุ้น ภายหลังการจัดสรร จำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วจะเพิ่มเป็น 542,730,702 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2560 มั่นใจว่าสามารถมีรายได้ 10,500 ล้านบาท หรือเติบโตราว 14% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 9,206 ล้านบาท โดยปกติในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไฮซีซั่นคาดว่าปีนี้รายได้ กำไรงวดครึ่งปีหลัีงยังเติบโตต่อเนื่องและใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งอาหารแช่เยือกแข็ง ธุรกิจขายอาหารสัตว์ และธุรกิจขายอาหารสัตว์เลี้ยง มีทิศทางการขยายตัวที่ดี
“ไตรมาส 2/2560 ผลประกอบการยังคงแข็งแกร่ง โดยปกติช่วงครึ่งปีแรกเป็นช่วงโลว์ซีซั่นแต่ปีนี้ผลประกอบการดีตั้งแต่ไตรมาส 1 ต่อเนื่องไตรมาส 2 และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง รายได้ กำไร จะเติบโตอย่างโดดเด่น หากเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากผลการดำเนินงานบอร์ดได้มีมติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นและได้ศึกษาอย่างรอบด้านว่าจะเกิดผลดีต่อทุกฝ่ายรวมถึงสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากนี้ฝ่ายบริหารจะมุ่งมั่นขยายการเติบโตของธุรกิจ เน้นให้ความสำคัญและพัฒนาสินค้าให้อัตรากำไรในระดับที่น่าพอใจ โดยลำดับแรกคืออัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปี 60 ต้องอยู่ในระดับ 9.5% นอกจากนี้บริษัทเน้นระมัดระวังความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน โดยบริษัทฯเน้นปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในรายการที่ปรากฎบนงบการเงินทั้งหมด นอกเหนือจากส่วนที่ Natural Hedge โดยนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศบางส่วน" นายเฮ็นริคคัส กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/60 บริษัทฯ มียอดขาย 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักจากปริมาณการขายอาหารสัตว์และอาหารสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้งและหมึก ยอดขายเชิงปริมาณโดยรวมเพิ่มขึ้น 21%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน