ลุ้นดีเอสไอ เชือด! อีโค่ฯ ทับซ้อนป่า

11 ส.ค. 2560 | 13:08 น.
“อีโค่ โอเรียนท์” ลุ้นผลสอบ หวังกลับมาผลิตปิโตรเลียมได้เต็มสูบส.ค.นี้ เผยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเร่งหน่วยงานเกี่ยวข้องปลดล็อก ด้านดีเอสไอระบุ รอบอร์ดตัดสินจะสั่งฟ้องหรือไม่

นายนาวิน พรรณธรรม ผู้จัดการฝ่ายบริหารและมวลชนสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการเข้าพื้นที่สัมปทานเพื่อผลิตปิโตร เลียม ในอ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ที่มีปัญหาทับซ้อนพื้นที่ป่าไม้ และต้องหยุดดำเนินการไปตั้งแต่ปี 2555 ว่ากรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อยู่ระหว่างเจรจากับทางกรมป่าไม้ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แล้ว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะมีความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้บริษัทกลับมาผลิตปิโตรเลียมได้ตามปกติ

ทั้งนี้ บริษัทได้รับอนุมัติให้ผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่บ่อรังเหนือ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เป็นเนื้อที่ประมาณ 39 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันผลิตนํ้ามันดิบอยู่ที่ 1,200 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่พื้นที่ทับซ้อนของกรมป่าไม้และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมสวบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่ยังไม่สามารถกลับมาผลิตได้ คิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 400-500 บาร์เรลต่อวัน ดังนั้น หากการแก้ไขปัญหามีข้อสรุปแล้วบริษัทสามารถกลับมาดำเนินการได้ จะทำให้มีกำลังการผลิตรวม 1,600-1,700 บาร์เรลต่อวัน

“บริษัทได้หารือกับทางกรมเชื้อเพลิงฯ รวมทั้งส่งเอกสารไปแล้ว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทราบว่ากรมกำลังเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งพื้นที่ทับซ้อนกรมป่าไม้ การตรวจสอบของดีเอสไอ โดยบริษัทต้องการให้มีข้อยุติโดยเร็ว หากสามารถสรุปภายในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทก็จะกลับมาผลิตได้ตามปกติเช่นเดียวกับอีก 6 บริษัท ที่เคยติดปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก. ก่อนหน้านี้ ซึ่งกำลังการผลิตที่หายไปคิดเป็นประมาณ 40-50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด” นายนาวิน กล่าว

vision_resize990_1

นายปรศักดิ์ งามสมภาค ผู้อำนวยการกลุ่มวิศวกรรมการผลิตบนบก กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างเร่งเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป่าไม้ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า เพื่อแก้ไขปัญหาติดขัดเรื่องพื้นที่ปิโตรเลียม โดยเฉพาะบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ฯ ที่ยังไม่สามารถกลับมาผลิตได้บางพื้นที่ เนื่องจากติดปัญหาการตรวจสอบของดีเอสไอ ซึ่งที่ผ่านมากรมได้หารือกับทางกรมป่าไม้ เพื่อขอให้เร่งรัดการตรวจสอบพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว พร้อมทั้งยื่นเอกสารไปทางดีเอสไอแล้ว ดังนั้น ตอนนี้รอเพียงคำตอบจากทางดีเอสไอว่าจะดำเนินการในคดีดังกล่าวอย่างไร
โดยปัจจุบันกรมได้เร่งดำเนินการแก้ไขเรื่องพื้นที่ไปแล้วกว่า 80-90% เหลือบริษัทอีโค่ โอเรียนท์ฯ ที่ยังติดปัญหา ซึ่งในส่วนของกรมป่าไม้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ภายในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ จะรวบรวมเอกสาร ข้อมูลทั้งหมด เสนอไปยังผู้บริหาร เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

“กรมอยู่ระหว่างรอคำตอบจากทางดีเอสไอ เกี่ยวกับคดีตรวจสอบพื้นที่ปิโตรเลียม ของบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ฯ ว่าจะส่งฟ้องหรือยกคำร้อง คาดว่าภายในกลางเดือนสิงหาคมนี้จะมีข้อสรุปทั้งหมดจากนั้นจะรวบรวมเสนอไปยังอธิบดีกรม หากยังมีข้อติดขัดคงต้องหารือกันในระดับผู้บริหารต่อไป โดยปัจจุบัน 6 บริษัทที่เคยติดปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. กลับมาผลิตได้ปกติแล้วเหลือบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ฯ ที่คาดว่าจะมีข้อสรุปเร็วๆ นี้” นายปรศักดิ์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ขณะนี้ทางดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวนคดีการผลิตปิโตรเลียมของบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ฯ ที่ผลิตนํ้ามันดิบในแหล่งสัมปทานเขต อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยล่าสุดได้สอบปากคำทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ตัวแทนบริษัทและหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว จากนั้นจะมีการประชุมคณะกรรมการพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเร็วๆนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะส่งฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่

“ตอนนี้ทางดีเอสไออยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบคดีบริษัทอีโค่ โอเรียนท์ฯ ซึ่งภายหลังประชุมคณะกรรมการพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยแต่ละคนจะมีความเห็นไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะสั่งฟ้องหรือไม่ก็ได้ หรืออาจแจ้งข้อหาบุคคลใดหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มากนัก เพราะต้องรอข้อสรุปจากทางคณะกรรมการฯ คาดว่าการตรวจสอบคดีดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนสิงหาคมนี้”แหล่งข่าวกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,286 วันที่ 10 -12 สิงหาคม พ.ศ. 2560