BCPG ไตรมาส 2 รายได้ขายไฟเพิ่ม 17% คาดครึ่งปีหลังปีฉลุย

10 ส.ค. 2560 | 03:37 น.
BCPG ไตรมาส 2 รายได้ขายไฟฟ้า 980 ล้านบาท เติบโต 17% จากงวดปีก่อน หนุนกำไรก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98% แย้มครึ่งปีหลังรับรู้กำไรโครงการพลังงานลมและพลังความร้อนใต้พิภพหนุนผลงานฉลุย

logo BCPG บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2560  มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 890 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 จากไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559  ในขณะที่กำไรสุทธิก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 คิดเป็นเงินประมาณ 577 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วประมาณร้อยละ 98  แต่เนื่องจากเงินสกุลบาทมีการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 462 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 1.7

 

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2  ของปีนี้ นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทุกโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนเต็มไตรมาส  โดยธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น มีผลประกอบการดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นและจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 171 ล้านบาทจาก 6 โครงการ (กำลังการผลิตตามสัญญารวม 30 เมกะวัตต์) ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 มีรายได้ประมาณ 43 ล้านบาทจาก 4 โครงการ (กำลังการผลิตตามสัญญารวม 10.7 เมกะวัตต์) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากการปรับปรุงทางบัญชีจากการชำระค่าตอบแทนที่เหลือสำหรับการเข้าซื้อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นจำนวนประมาณ 140 ล้านบาท และรับรู้กำไรจากการลงทุนธุรกิจพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ประมาณ 43 ล้านบาทอีกด้วย

[caption id="attachment_192510" align="aligncenter" width="325"] นายบัณฑิต สะเพียรชัย นายบัณฑิต สะเพียรชัย[/caption]

หากพิจารณากำไรสุทธิก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ คิดเป็นเงินประมาณ 577 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ประมาณร้อยละ 98 ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินการจริงที่ดีขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม จากการเกิดการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (ซึ่งเป็นผลกระทบต่อตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น) ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้คิดเป็นเงินประมาณ 462 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 1.7   ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและศึกษาความเป็นไปในการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อให้ผลกระทบต่อกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

บีซีพีจีทำงานเชิงรุก ขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดด เพื่อย้ำความเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจพลังงานสะอาดแบบ pure play ที่มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหลากหลายรูปแบบ โดยธุรกิจล่าสุดที่ร่วมลงทุนคือธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียที่เพิ่งจะลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นและรับโอนหุ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ในวันนี้ บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 600 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการทำธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และพร้อมปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ใกล้ชิดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากการที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ในยุคดิจิตอล (disruptive technology) จะพลิกโฉมธุรกิจพลังงาน ทำให้เกิดการขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ต (internet of energy) ในอนาคตอันใกล้นี้

“สำหรับการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ จะมีปัจจัยบวกซึ่งจะช่วยทำให้ผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์และโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ด้วยการจัดหาเงินกู้ที่ในสกุลเงินที่เหมาะสมกับการดำเนินงานในประเทศนั้นๆ เพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน” นายบัณฑิต กล่าว