PTTGC ไตรมาส 2 กำไรโต 34% รายได้จากการขายทะลุแสนล.

09 ส.ค. 2560 | 07:10 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

PTTGC อวดผลงานไตรมาส 2 กำไร 6,603 ล้านบาท เติบโต 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายทะลุแสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% หนุนงบครึ่งปีกำไร 1.97 หมื่นล้านบาท เติบโต 105%

โลโก้ PTTGC-1-2 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6,603.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.48 บาท เพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,924.40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.10 บาท ส่วน 6 เดือน ปี 2560 กำไรสุทธิ 19,784.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.44 บาท เพิ่มขึ้น 105% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 9,631.54 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.16 บาท

บริษัทชี้แจงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 100,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายที่ดีขึ้น เนื่องจากจำนวนวันหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุงตามแผนที่ลดลงแต่เมื่อเทียบไตรมาส 1 ปี 2560 ลดลง 6% จากราคาผลิตภัณฑ์อ่อนตัวลงตามราคาน้ำมันและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง โดยในไตรมาส 2 บริษัทหยุดการผลิตตามแผนซ่อมบำรุงของโรงโอเลฟินส์ 2/1 และโรงงานอะโรเมติกส์ หน่วยที่ 2 ทำให้ไม่สามารถใช้อัตราการใช้กำลังการผลิตของธุรกิจโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ได้อยางเต็มที่ ในส่วนของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในธุรกิจการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

img-refinery ส่วนงวด 6 เดือนปรับตัวดีขึ้นมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลังจากการดำเนินการที่ดีขึ้นทั้งจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค่าที่เพิ่มสูงขึ้นและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในกรอบที่ต่ำกว่าในช่วงแรกของปี โดยเฉลี่ยคาดว่าอยู่ที่ 49 เหรียญสหรัญ/บาร์เรล ปรับลดลงจากบริษัทณ เคยคาดไว้ในช่วงต้นปี เนื่องจากสหรัฐยังผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคจะได้ต่อระยะเวลาออกไป แต่การปรับลดก็ยังไม่พอที่จะทำให้ราคาน้ำมับดิบทรงตัวได้ในระดับสูงกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

img-aromatics ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณต์ต่อเนื่องปรับตัวลดลง โดยคาดว่าราคาเอทิลีนจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับราคา 957 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบและแรงกดดันจากกำลังการผลิตใหม่จากซาอุดิอาระเบียและอินเดียที่จะเข้ามาในไตรมาส 3 ในส่วนของราคาเม็ดพลาสติกคาดว่าราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก HDPE ในครึ่งหลงัของปีจะลดลงมาอยู่ที่ 1,145 เหรียญสหรฐั ฯ/ตัน ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนของทิศทางราคาน้ามันดิบ ทำให้ผู้ซื้อเม็ดพลาสติกชะลอการซื้อเพื่อดูทิศทางราคา และซื้อเท่าที่ต้องใช้ในการผลิตเท่านั้นโดยพยายามควบคุมระดับสินค้าคงคลัง เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคา ในขณะที่ราคา MEG คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งหลงัของปีมาเฉลี่ยอยู่ที่ 790 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จากแรงหนุนจากความต้องการจากผลิตภัณฑ์ Polyester

อย่างไรก็ตามราคา MEG ยังคงจะได้รับความกดดันจากกำลังการผลิตใหม่จาก Reliance Industries ที่จะเข้ามาในเดือนกรกฎาคมด้วยในส่วนของการดำเนินงานของบริษัทฯ คาดว่าการใช้กำลังการผลิตโดยรวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยคาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตของโรงโอเลฟินสอ์ยู่ที่ 98% ในครึ่งปีหลงหรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 95% ทั้งนี้รวมผลจากแผนที่จะทำการหยุดซอ่ มแซมโรงโอเลฟินส์2/1 และโอเลฟินส์ 1 ไว้แล้ว