‘ยางนา’รุกออนไลน์-บุกตปท. จับคนรุ่นใหม่ดันยอดโต 200 ล.
“ยางนา” ลุยขยายฐานลูกค้าสู่ช่องทางออนไลน์ หวังจับคนรุ่นใหม่ พร้อมต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่สกินแคร์เข้าถึงผู้บริโภคทั่วไป เล็งขยายตลาดสู่ประเทศจีนเจาะลูกค้าแต่ละมณฑล รวมถึงตลาดตะวันออกกลาง และ CLMV ปูทางรายได้ 200 ล้านบาท ปี 61
นายวีรวุฒิ สังฆพรม เจ้าของบริษัท กาล (30) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ภายใต้แบรนด์ “ยางนา” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้า และต่อยอดธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ โดยจะดำเนินการในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบออนไลน์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องผิวพรรณ อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีศักยภาพ และต้นทุนน้อย โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่รูปแบบของสกินแคร์ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป จากเดิมที่แบรนด์ “ยางนา” จะเป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านสปา ไม่ว่าจะเป็นสบู่ เซรั่ม หรือโลชัน เป็นต้น โดยจะยังคงเอกลักษณ์การมีส่วนผสมของรังไหมไว้
[caption id="attachment_191931" align="aligncenter" width="283"]
วีรวุฒิ สังฆพรม เจ้าของบริษัท กาล (30) จำกัด[/caption]
ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศก็จะขยายตลาดในประเทศจีน โดยจะใช้กลยุทธ์เลือกเจาะในแต่ละมณฑล ซึ่งมีผิวพรรณและความต้องการสรรพคุณของสมุนไพรที่แตกต่างกัน รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ และกลุ่มประเทศ CLMV โดยจะเริ่มเจาะตลาดในประเทศ เมียนมา และกัมพูชา เป็นลำดับแรก ซึ่งการทำตลาดจะเป็นรูปแบบของการเปิดช็อป (Shop) และการหาตัวแทนจำหน่าย
“การขยายไปต่างประเทศเราจะดำเนินการในคอนเซ็ปต์ที่ว่า เราไปประเทศใดก็ได้เพราะองค์ความรู้เป็นของเราไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอะไรก็สามารถนำมาปรับใช้ได้”
นายวีรวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านบาทในปี 2560 และจะขยายเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทในปี 2561 จากการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางเอาไว้ โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ยางนา” คือ วัตถุดิบที่ได้มาจากชุมชน
เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ของยางนาจึงเน้นความเป็นธรรมชาติกว่า 80% โดยพยายามใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายตามความเหมาะสมของผิวพรรณของลูกค้า เช่น สบู่ทับทิม สำหรับผิวแพ้ง่าย สบู่นํ้านมข้าว สำหรับผิวแห้ง และสบู่รังไหมทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำเปลว เพื่อทำให้ผิวไม่แห้ง เป็นต้น เป็นจุดเด่นของสินค้าที่ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“สบู่โฮมเมดแบรนด์ยางนา มีให้เลือกกว่า 50 ชนิด แตกต่างกันไปตามแต่ละวัตถุดิบ แต่สบู่ทุกก้อนจะมีส่วนผสมของรังไหม ซึ่งมีโปรตีนและคอลลาเจนที่ดีต่อผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นโลชัน และเซรั่ม ปัจจุบันมีชาวบ้านส่งผลผลิตหนอนไหมรวมทุกพื้นที่ส่งตรงถึงแบรนด์มากกว่า 100 กิโลกรัมต่อเดือน จาก 5 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,286 วันที่ 10 -12 สิงหาคม พ.ศ. 2560
นายวีรวุฒิ สังฆพรม เจ้าของบริษัท กาล (30) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ภายใต้แบรนด์ “ยางนา” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้า และต่อยอดธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ โดยจะดำเนินการในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบออนไลน์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องผิวพรรณ อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีศักยภาพ และต้นทุนน้อย โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่รูปแบบของสกินแคร์ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป จากเดิมที่แบรนด์ “ยางนา” จะเป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านสปา ไม่ว่าจะเป็นสบู่ เซรั่ม หรือโลชัน เป็นต้น โดยจะยังคงเอกลักษณ์การมีส่วนผสมของรังไหมไว้
[caption id="attachment_191931" align="aligncenter" width="283"]
ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศก็จะขยายตลาดในประเทศจีน โดยจะใช้กลยุทธ์เลือกเจาะในแต่ละมณฑล ซึ่งมีผิวพรรณและความต้องการสรรพคุณของสมุนไพรที่แตกต่างกัน รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ และกลุ่มประเทศ CLMV โดยจะเริ่มเจาะตลาดในประเทศ เมียนมา และกัมพูชา เป็นลำดับแรก ซึ่งการทำตลาดจะเป็นรูปแบบของการเปิดช็อป (Shop) และการหาตัวแทนจำหน่าย
“การขยายไปต่างประเทศเราจะดำเนินการในคอนเซ็ปต์ที่ว่า เราไปประเทศใดก็ได้เพราะองค์ความรู้เป็นของเราไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอะไรก็สามารถนำมาปรับใช้ได้”
เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ของยางนาจึงเน้นความเป็นธรรมชาติกว่า 80% โดยพยายามใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายตามความเหมาะสมของผิวพรรณของลูกค้า เช่น สบู่ทับทิม สำหรับผิวแพ้ง่าย สบู่นํ้านมข้าว สำหรับผิวแห้ง และสบู่รังไหมทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำเปลว เพื่อทำให้ผิวไม่แห้ง เป็นต้น เป็นจุดเด่นของสินค้าที่ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,286 วันที่ 10 -12 สิงหาคม พ.ศ. 2560