‘วิบูลย์ลักษณ์’ฝากปลัดใหม่ สานต่อภารกิจดูแลค่าครองชีพ

12 ส.ค. 2560 | 06:00 น.
1ปีกับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ของ “วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์” ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ก่อนส่งไม้ต่อให้ “นันทวัลย์ ศกุนตนาค” อธิบดีกรมการค้าภายใน ขึ้นมากุมบังเหียนแทน ก่อนลุกจากเก้าอี้อันทรงเกียรตินี้ “ฐานเศรษฐกิจ”มีโอกาสสัมภาษณ์ “วิบูลย์ลักษณ์”อีกครั้งถึงผลงาน และแผนงานที่ส่งต่อไปยังปลัดพาณิชย์คนใหม่

++ราคาสินค้าทรงตัว
“วิบูลย์ลักษณ์” ยํ้าว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งงานต่างๆ โดยเฉพาะการดูแลค่าครองชีพของประชาชนได้ทำและเน้นหนักมาโดยตลอด จากการประเมินสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในครึ่งปีหลังส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เพราะราคาวัตถุดิบสำคัญๆที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศยังมีราคาทรงตัวและยังไม่มีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น ส่วนกลุ่มอาหารสด อย่าง ผัก ผลไม้ ยังมีราคาผันผวนตามฤดูกาล นอกจากนี้เตรียมจัดงานธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนทั่วประเทศอีก 537 ครั้ง เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค

[caption id="attachment_181560" align="aligncenter" width="503"] nan นันทวัลย์ ศกุนตนาค[/caption]

++เชื่อปลัดคนใหม่เอาอยู่
อย่างไรก็ดีปลัดกระทรวงพาณิชย์ใหม่จะเข้ามาสานต่องานที่ยังค้างคาอยู่ ไม่น่ามีปัญหาและไม่น่ากังวลเพราะที่ผ่านมาทำงานมาด้วยกันตลอด อย่างในเรื่องราคาสินค้า ด้วยความที่ท่าน(นันทวัลย์)เองก็เป็นอธิบดีกรมการค้าภายในมาอยู่แล้ว ดังนั้นการกำกับดูแลค่าครองชีพ และราคาสินค้าจึงเป็นงานที่ถนัด และรู้ว่าผู้บริโภคต้องการสินค้าอะไร และเกษตรกรต้องการอะไร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองมีโครงการหนูณิชย์...ชวนชิม เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถหาซื้ออาหารสำเร็จรูปไปรับประทานได้ในราคาถูกและดี โดยปัจจุบันกระทรวงมีร้านหนูณิชย์ฯทั่วประเทศจังหวัดละ 200-300 แห่งและน่าจะขยายตัวขึ้นไปเรื่อยๆ

“กระทรวงสามารถดูแลค่าครองชีพได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็ทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้กระทรวงยังมีโครงการคนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก หรือร้านค้าโชวห่วยช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในส่วนนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมกับร้านโชวห่วยในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับร้านค้าที่ต้องการซื้อสินค้าไปขายในราคาที่ถูก เนื่องจากร้านโชวห่วยในเครือข่ายจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าโมเดิร์นเทรด ดังนั้นถ้าเขาสามารถเรียนรู้และส่งผ่านไปได้ชุมชนก็จะเข้มแข็งและอยู่ได้”

TP08-3286-1A ++ดันตลาดออร์แกนิก
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นโอกาสและช่องว่างของตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิกและมองว่ากำลังจะเป็นเทรนด์ของโลกที่ผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีโอกาสลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และไปเยี่ยมชมตลาดกลางออร์แกนิกของเกษตรกรที่ร่วมกลุ่มกันเพื่อทำเป็นตลาดกลาง ซึ่งในอนาคตจะช่วยดึงการท่องเที่ยว และเป็นแหล่งกระจายสินค้าออร์แกนิกได้ แต่สิ่งที่เขายังขาดคือเงินลงทุน ถ้าผลักดันให้จังหวัดช่วยสนับสนุนและลงมาให้ความสำคัญของสินค้าออร์แกนิกได้ยุทธศาสตร์สินค้าออร์แกนิกก็จะไปได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลคงต้องสนับสนุนปัจจัยต่างๆ หลายด้าน เช่น เงินทุน ตลาด การออกใบรับรองเพื่อส่งออกต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงพาณิชย์ได้รับมาทำในโครงการออร์แกนิกที่เพิ่งผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในการนำพาเกษตรกรไปรับใบรับรองในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระทางตรงให้เกษตรกรได้ทางหนึ่ง

++ผนึกอาเซียนชิงตลาดโลก
ปลัดพาณิชย์ กล่าวอีกว่า จากที่กระทรวงได้จัดงาน Organic & Natural Expo 2017 ขึ้นระหว่างวันที่ 27- 30 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จมาก โดยสามารถสร้างมูลค่าการจำหน่ายสินค้าออร์แกนิกได้กว่า 32 ล้านบาท และสามารถผลักดันให้เกิดการสร้างมาตรฐานสินค้าออร์แกนิกพร้อมกันทั้ง 10 ประเทศของอาเซียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองสินค้าออร์แกนิกของภูมิภาคไปสู่ตลาดโลก โดย ณ ปัจจุบันตลาดสินค้าอินทรีย์ของโลกมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท แต่ไทยมีมูลค่าตลาดสินค้าอินทรีย์เพียง 2,700 ล้านบาท ดังนั้นเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยจึงยังมีช่องทางโอกาสอีกมาก

“อัตราการเติบโตของสินค้าออร์แกนิกในแต่ละปีมีไม่ตํ่ากว่า 10% และในปีนี้คาดว่ามูลค่าจะเพิ่มได้ประมาณเกือบ 3,000 ล้านบาท โดยล่าสุด ครม.ได้เห็นชอบโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และตั้งเป้าหมายการขยายพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์เป็นแปลงใหญ่ให้ได้ 1ล้านไร่และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนนิยมบริโภคข้าวอินทรีย์มากขึ้น”

++คดีระบายข้าวยึดตามก.ม.
ในส่วนของการสืบทรัพย์ของอดีตรัฐมนตรีและพวกนั้นในคดีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ในรัฐบาลที่ผ่านมานั้น ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ทำอะไรแล้วเพราะคดีอยู่ในส่วนของศาล ทางกรมการค้าต่างประเทศเองมีหน้าที่สืบข้อมูลแล้วส่งไปให้กรมบังคับคดีในการดำเนินการตามกรอบของกฎหมายอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของการสืบทรัพย์ ส่วนการอายัดทรัพย์อยู่ที่กรมบังคับคดี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,286 วันที่ 10 -12 สิงหาคม พ.ศ. 2560