อินเดียลดดอกเบี้ย หนุนเศรษฐกิจชะลอ
ธนาคารกลางอินเดียลดดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับตํ่าสุดตั้งแต่ปี 2553 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงหลังรัฐบาลมีนโยบายห้ามใช้ธนบัตรเก่า
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดียมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 6.25% เหลือ 6% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยนายอูริจิต พาเทล ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับสูงมานานานได้ปรับลดลงอย่างมากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีพื้นที่ในการปรับนโยบายการเงิน
กลุ่มธุรกิจของอินเดียได้เรียกร้องให้มีการปรับลดดอกเบี้ยลง หลังจากต้องรับมือกับปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอินเดียขยายตัว 6.1% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ นับเป็นอัตราที่ตํ่าที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2557 จากผลของการที่รัฐบาลนายนเรนทรา โมดี ตัดสินใจห้ามใช้พันธบัตรมูลค่า 500 และ 1,000 รูปี ซึ่งคิดเป็นเงินสดถึง 86% ของประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
ขณะที่การเริ่มบังคับใช้ภาษีสินค้าและบริการเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจของอินเดียเช่นเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ทางการของธนาคารกลางอินเดียยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน หลังจากจำนวนโครงการลงทุนที่มีการประกาศออกมาในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในระดับตํ่าสุดในรอบ 12 ปี
นักวิเคราะห์ต่างก็มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียได้มากนัก เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคยังอ่อนแอและหนี้อยู่ในระดับสูง และเวลานี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเป็นผู้กำหนดนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านธนาคารกลางอินเดีย เองก็แสดงความไม่แน่ใจว่าจะมีพื้นที่ในการปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ โดยในแถลงการณ์ระบุว่าทางธนาคารจะจับตามองทิศทางของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด และคาดหมายว่าเงินเฟ้อจะเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6 -9 สิงหาคม พ.ศ. 2560
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดียมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 6.25% เหลือ 6% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยนายอูริจิต พาเทล ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับสูงมานานานได้ปรับลดลงอย่างมากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีพื้นที่ในการปรับนโยบายการเงิน
กลุ่มธุรกิจของอินเดียได้เรียกร้องให้มีการปรับลดดอกเบี้ยลง หลังจากต้องรับมือกับปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอินเดียขยายตัว 6.1% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ นับเป็นอัตราที่ตํ่าที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2557 จากผลของการที่รัฐบาลนายนเรนทรา โมดี ตัดสินใจห้ามใช้พันธบัตรมูลค่า 500 และ 1,000 รูปี ซึ่งคิดเป็นเงินสดถึง 86% ของประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
เจ้าหน้าที่ทางการของธนาคารกลางอินเดียยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน หลังจากจำนวนโครงการลงทุนที่มีการประกาศออกมาในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในระดับตํ่าสุดในรอบ 12 ปี
นักวิเคราะห์ต่างก็มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียได้มากนัก เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคยังอ่อนแอและหนี้อยู่ในระดับสูง และเวลานี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเป็นผู้กำหนดนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านธนาคารกลางอินเดีย เองก็แสดงความไม่แน่ใจว่าจะมีพื้นที่ในการปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ โดยในแถลงการณ์ระบุว่าทางธนาคารจะจับตามองทิศทางของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด และคาดหมายว่าเงินเฟ้อจะเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6 -9 สิงหาคม พ.ศ. 2560