วาละ 2 ล้าน ยกประตูน้ำเทียบเพลินจิต รถไฟฟ้าสายสีส้มบูมค้าปลีกค้าส่ง

06 ส.ค. 2560 | 10:43 น.
แนวรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกแผลงฤทธิ์! ดันที่ดินย่านประตูนํ้าทะยาน 1.5-2 ล้านบาท/ตารางวา เทียบชั้นย่านเพลินจิต แซงทำเล “วันแบงค็อก” พระราม 4 จุดพลุย่านค้าปลีก-ค้าส่งใหญ่ในประเทศ เหตุผนึกเชื่อมมักกะสัน คอมเพล็กซ์

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6-9 ส.ค. 2560 รายงานว่า ความชัดเจนในการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่เกิน 2 เดือนนี้ ส่งผลให้ราคาที่ดินและอาคารพาณิชย์ตลอดแนว ที่ขยับขึ้นมาก่อนหน้านี้ ถีบตัวสูงขึ้นอย่างพรวดพราด โดยเฉพาะย่านใจกลางการค้าสำคัญอย่าง “ประตูนํ้า-ราชปรารภ”


จุดพลุทำเลค้าปลีกใหญ่

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนซ์ จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ผ่านมา ที่ดิน อาคารพาณิชย์ ย่านประตูนํ้า มีความคึกคักในตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกวิ่งผ่าน อนาคตทำเลประตูนํ้าจะกลายเป็นย่านการค้า ด้านค้าปลีก ค้าส่ง ขนาดใหญ่ของประเทศ ที่ช่วยดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยว ที่สำคัญ ยังอยู่ใกล้กับโครงการมิกซ์ยูส มักกะสัน คอมเพล็กซ์ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีแผนเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อหารายได้

“อนาคตทำเลในย่านนี้ จะแซงหน้าทำเลบน ถ.พระราม 4 ที่มีโครงการ “วันแบงค็อก” ที่ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี มีแผนลงทุนด้วยเม็ดเงิน 1.2 แสนล้านบาท สูงที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากสามารถดึงนักลงทุน-นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากสนามบินสุวรณภูมิ ให้เข้ามาพื้นที่ได้ง่าย โดยใช้เส้นทางของแอร์พอร์ตลิงค์เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้มที่สถานีราชปรารภ และสามารถข้ามไปเชื่อมกับเซ็นทรัลเวิลด์ และรถไฟฟ้าบีทีเอส เส้นสุขุมวิทได้ จึงประเมินว่า จะมีการเคลื่อนย้ายทุนมาฝั่งนี้มากขึ้นแน่นอน” นายวสันต์ ประเมิน


พุ่ง 2 ล้าน เท่าเพลินจิต

สำหรับราคาที่ดินนั้น นายวสันต์ กล่าวว่า ทำเลบริเวณแยกประตูนํ้า ห้างแพลตทินัม พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ราคาปัจจุบันตกตารางวาละ 1 ล้านบาท แต่หลังจากนี้จะขยับขึ้นสูงถึง 1.5-2 ล้านบาท/ตารางวา เทียบเท่าย่านเพลินจิต เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ หรือ ยังไม่ทันเปิด ราคาก็วิ่งสูงไปก่อนแล้ว

อย่างไรก็ดี บริเวณ “ประตูนํ้า” ราคาที่ดินถือว่าแพงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ดินเอกชน ซึ่งช่วงที่มีกระแสสายสีส้มตัดผ่าน มีนักลงทุนรายใหญ่เข้าไปติดต่อกว้านซื้ออาคารพาณิชย์ บริเวณหัวมุมประตูนํ้า ให้ราคาคูหาละ 20 ล้านบาท แล้วทุบสร้างโรงแรมขนาดเล็ก คืนละกว่า 1,000 บาท เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ขณะที่ บริเวณ “แพลตทินัม” ซึ่งเป็นที่ดินเอกชนเช่นกัน ปัจจุบันเปิดเช่าพื้นที่ขาย ขนาดห้องละ 20 ตารางเมตร ในราคาตารางเมตรละ 1 ล้านบาท  เมื่อเทียบกับ เพลินจิต ในปัจจุบัน พบว่า คอนโดมิเนียมของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ราคาขายอยู่ที่ตารางเมตรละ 4 แสนบาทเท่านั้น

“ประตูนํ้าจะต่างกับเพลินจิต ตรงที่เพลินจิตเป็นย่านอยู่อาศัย ย่านช็อปปิ้งระดับไฮเอนด์ แต่ย่านประตูนํ้าเป็นย่านค้าปลีก ค้าส่ง ย่านช็อปปิ้งในระดับกลาง-ล่าง ที่คนไทยและชาวต่างชาตินิยม เพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะ   คล้ายกับย่านเยาวราช ทำให้ราคาที่ดินและพื้นที่ค้าขายราคาค่อนข้างแพง”

 

P1-SCOOP-85


จีนผุดไชน่าทาวน์

นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนทำเลประชาสงเคราะห์ ที่อยู่บริเวณด้านหลังห้างเอสพลานาด ถ.รัชดาภิเษก ขณะนี้มีนักลงทุนชาวจีนเข้ามาติดต่อขอซื้ออาคารพาณิชย์ เพื่อพัฒนาเป็น ย่านนิว ไชน่าทาวน์ ส่งผลให้ราคาอาคารพาณิชย์ขยับขึ้นมาจาก 5 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท โดยราคาที่ดินขณะนี้อยู่ที่ 3-4 ล้านบาท/ตารางวา เนื่องจากใกล้สถานทูตจีนและติดกับสถานีรถไฟฟ้า ส่วนบริเวณศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งเป็นจุดเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก สายสีส้มตะวันออก ขณะนี้ราคาที่ดินสูงอยู่แล้ว เพราะมีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีนํ้าเงินวิ่งให้บริการอยู่แล้ว


ประตูนํ้าไม่มีที่เหลือ

ขณะที่ นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันที่ดินย่านประตูนํ้าและย่านราชปรารภ ไม่มีที่ดินเหลือให้ซื้อขายแล้ว โดยเฉพาะตึกแถวเก่า ๆ เจ้าของไม่ยอมขาย เนื่องจากต้องการเก็บไว้ทำการค้า และมีราคาค่อนข้างสูงตกคูหาละ 20-30 ล้านบาท สำหรับทำเลที่ยังเหลืออยู่บ้าง จะเป็นบริเวณราชเทวี ผ่านไปยัง ถ.หลานหลวง ไม่สามารถพัฒนาได้ เพราะติดกฎห้ามสร้างอาคารสูง

สำหรับพื้นที่ที่รถไฟฟ้าสายสีส้มตัดผ่าน ที่มีแนวโน้มจะพัฒนาได้อีกมาก จะเป็นพื้นที่ย่านบางขุนนนท์ ย่านจรัญสนิทวงศ์ เชื่อว่าราคาที่ดินจะค่อย ๆ ขยับขึ้นมาอีก และคาดว่า ช่วงเปิดให้บริการเดินรถราคาจะขยับขึ้นมาเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20% แต่จะขยับขึ้นมากน้อย แล้วแต่ทำเล

ไม่เหมาะเป็นย่านอยู่อาศัย

นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ เลขาธิการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าขยับขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ประมาณ 20-30% และเมื่อมีการก่อสร้างราคาจะขยับขึ้นอีก โดยเฉพาะสายสีส้มที่เป็นสายผ่านใจกลางเมือง จะขึ้นมากที่สุด

อย่างไรก็ดี ย่านประตูนํ้า เหมาะที่จะเป็นย่านการค้าปลีก-ค้าส่ง โรงแรม ออฟฟิศ มากกว่าเป็นที่อยู่อาศัย แม้ว่าที่ผ่านมา ย่านเพชรบุรีตัดใหม่ จะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นตลอดสาย อาทิ กลุ่มศุภาลัย, กลุ่มเมเจอร์, กลุ่มเอพี ฯลฯ  โดยราคาที่ดินจะขยับมากแค่ไหน จำนวนผู้โดยสารมีส่วนอย่างมาก เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ผู้โดยสารขึ้น 9 แสนคน/วัน, สายสีนํ้าเงิน 3.5 แสนคน/วัน, สายสีม่วง 3.5 หมื่นคน/วัน รถไฟฟ้าที่มีคนใช้บริการมาก ราคาที่ดินจะแพงมาก และเชื่อว่า หากรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ราคาที่ดินจะขยับขึ้นเฉลี่ย 20-30%

นอกเหนือจากราคาที่ดินจะขยับขึ้นมาอยางรวดเร็วแล้ว นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสมาคมค้าปลีกไทย กล่าวว่า ศูนย์การค้าและร้านค้าในย่านประตูนํ้ามีโอกาสที่จะเติบโตมากขึ้น จากระบบคมนาคมที่สะดวกมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เหมือนห้างสรรพสินค้ามุสตาฟา เซ็นเตอร์ ในสิงคโปร์ เนื่องจากย่านดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวและซื้อสินค้าสำคัญของชาวต่างชาติ

“ย่านดังกล่าวมีโอกาสถูกนำมาพัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้าใหม่ได้อีก   โดยเฉพาะบริเวณตลาดที่อยู่ด้านหลังตึกแถว เพื่อทำธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก ธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม โดยปกติราคาพื้นที่เช่าของห้างในย่านนี้จะเพิ่มขึ้น 10-15% ในทุก 3 ปี”

 

S__6357037